ข่าวจากปักกิ่ง รายงานโดยบางกอกโพสต์
ไทยจีนทำความตกลงร่วมพัฒนาจรวดหลายลำกล้องชนิดนำวิถี โดยบรรลุข้อตกลงระหว่างการเยือนจีนของคณะผู้บัญชาการ (จีนเรียกไทยเป็นญาติใกล้ชิด)
โดยในข้อตกลงนี้ ระบุว่า TDI จะร่วมมือกับจีนในการพัฒนาจรวดหลายลำกล้องนำวิถี โดย พล.อ สุกำพล เปิดเผยว่าจะมีระยะไกลกว่ารุ่นปัจจุบัน (แปลว่าเราจะพัฒนาจรวดรุ่นใหม่์? ไม่ใช่แค่ติดระบบนำวิถีเข้ากับ DTI-1 หรือว่าท่านเปรียบเทียบกับรุ่น type 85 หรือว่าท่านรมต. เข้าใจผิด?) โครงการระยะสามปี งบ 1.5 พันล้านบาท
ฝ่ายจีนบอกว่าถ้าไทยซื้ออาวุธจีน จะได้ราคามิตรภาพ ท่านสุำกำพลบอกว่าอาวุธจีนเดี๋ยวนี้ไม่ถููกเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นซื้ออะไรต้องรอบคอบ
นอกจากนี้ยังได้มีการตกลงซ็อมรบโดยมีกำลังทางอากาศร่วมด้วยเป็นครั้งเเรก อันนี้ท่านสุกำพลบอกว่าต้องคุยกันเรื่องรายละเอียด เพราะเราใช้หลักนิยมทางอากาศต่างกัน
แถมอีกรายการคือ ทร. จะส่งนายทหารไปร่วมซ็อมรบกับจีนระหว่าง พ.ค. 9-29 (นานจัง) จำนวน 130 นาย
(http://www.bangkokpost.com/news/local/290809/top-brass-china-visit-secures-joint-missile-deal)
วิเคราะห์:
เอ๊ะ ตามกำหนดเดิม โครงการจรวดนำวิถีมันต้องเสร็จไปแล้วไม่ใช่เหรอ? อันน้ีไม่เป็นไรครับ เรายังใหม่กับเรื่องพวกนี้ ให้เวลาได้ (ว่าแต่ตัว DTI-1 ผลิตหรือยังเนี่ย ใครทราบ หรืออยู่หน่วยไหนแอบเห็นอะไรมาแบ่งกันมั่งก็ได้นะัครับ) ผมว่าดีครับ ที่โครงการรุดหน้า รู้สึกสภาพจะคล้ายกับการร่วมมือของจีนกับปากีฯ กล่าวคือจีนพัฒนาและผลิตนั่นแหละ แล้วก็สอนเราทำ โดยเราไปร่วมศึกษาด้วยตลอดกระบวนการ
ผมว่าจีนชักอยากได้เราเป็นลูกไล่เข้าไปทุกที โดยเฉพาะเมื่ออาเซียนมีความสำคัญต่อจีนขี้นมา ผมว่าเราต้องระวังๆ หน่อย เดี๋ยวกลายเป็นเบี้ยแบบที่เป็นให้อเมริกามาก่อน ตอนนี้สหรัฐฯ ก็ไปออกแรงที่ฟิลิปปินส์แทน (เพราะขัดแย้งกับจีนโดยตรง) อย่างไรก็ตาม รับรองว่าอเมริกาเนี่ย ปากต้องร้องบอกว่าเรากับเขาเป็นพันธมิตรแนบแน่น (แล้วทำไมปล่อยลอยแพเรางี้วะ ฮา ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ) แล้วก็ต้องพยายามไม่ให้เรากลายเป็นใกล้ชิดกับจีน
ผมว่าเราต้องไหลให้เนียนจะได้อยู่รอดและได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งทศวรรษหลังนี่เราก็ชักเนียนพอตัว (ฮา) ซึ่งตอนนี้เราเริ่มเอนเข้าหาจีนมากขี้นเรื่อยๆ ประมาณว่าเล็งว่ายังไงจีนก็ต้องกลายเป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งในอนาคตแน่นอน (ซึ่งก็จริง แต่ผมว่าอีกหลายๆ สิบปี)
ยังไงก็ขอให้ได้จรวดนำวิถีมาไวๆ คนมี BM-21 จะได้ไม่ซ่ามาก (แต่จีนจะไม่พอใจหรือเปล่าถ้าเราเอาไปเล่นเขมร)
ถ้าเขมรยิงก่อน เราก็ตอบโต้ได้เลยครับ เดียวคงไปชี้แจ้งกันทีหลัง
เรื่องตัวจรวด ผมมองว่า DT-1 คงไม่ได้เข้าประจำการ แค่เป็นตัวนำทางในการพัฒนาไปสู่รุ่นถัดไปก็คือรุ่นนำวิถีหรือDTI-1Gที่ว่านะครับ ผมมองว่าระบบที่ใหญ่ไม่เหมาะแก่การหวังผลแบบเสี่ยงได้เสี่ยงเสีย คงเหมาะกับจรวดหลายลำกล้องขนาดเล็กที่มีจำนวนเยอะๆมากกว่า ถ้าเอา DTI-1 ไปยิงในระยะไกลโอกาสพลาดเป้าหมายมันมีเยอะมาก ไม่โดนเป้าหมายนี่ มันน่าเสียดายลูกจรวด จรวดใหญ่ๆหัวรบหนักๆ ราคาแพงๆ มันต้องหวังผลได้ได้เกือย100%
เอาเป็นว่า 2 ปีเจอกันแน่ครับ บอกได้ว่า โคตรเท่
ส่วน DTI-1 อย่าหวังเรื่องประจำการมากครับ ดูแล้วจะเป็นคุณครูสอนองค์ความรู้ซ่ะมากกว่า ถ้าจะเอามาประจำการจริงผมคงไม่แนะนำครับ รอ G ไปเลย ไม่นานเกินรอ เผลอๆ จะลิ้งค์กับ SAAB 340 aew ได้ด้วนนะครับ ^^
DTI1คุยในนี้คงไม่เหมาะอิๆแต่ไม่เสียหายครับแค่บรรไดก้าวแรก แต่เรื่องกับจีนตอนนี้คงไม่ทันแล้วครับ เพราะตอนนี้จีนอุ้มเราไว้เยอะ คงต้องเลยตามเลยก่อนอีกสองสามปีค่อยว่ากัน
ได้ระยะซัก 400 ก.ม.น่าจะดีมิใช่น้อย
ตอนกัมพูชา vs ไทย
ไม่ได้ใช้จรวด ก็หมดสภาพแล้วไม่ใช่เหรอครับ
ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียน และชัยภูมิที่เหมาะที่สุดแล้วถ้าเทียบกับ พม่า ลาว กัมพูชา และ เวียดนาม (ผมมั่นใจอย่างนั้น) ไม่ว่าจีน หรือ อเมริกา ก็อยากได้ไทยเป็นพันธมิตร ทั้งนั้นแหละครับ
ผมก็ว่าเป็นแบบนั้น แต่ เหอะ.. เดือนนี้ตังค์ผ่อนรถไม่ค่อยจะพอ
ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในแถบนี้ขอรับ ศูนย์กลางทางการค้า แม้ทรัพยากรพลังงานและแร่ธาตุมีไม่มากและสมบูรณ์เท่ากัเพื่อนบ้านที่ยังสด(ซิง)อยู่ แต่ทางด้านการเกษตรและการเพาะปลูกถือว่าเรามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆในแถบนี้(จีนผลิตอาหารไม่เพียงพอแก่ความต้องการอยู่แล้ว) เศรฐษกิจถือว่าใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ทั้งจีนและอเมริกาอยากได้เราเป็นพันธมิตรมาก อเมริกาเองอยากปิดล้อมจีนและสร้างความได้เปรียบทางทหารแก่ตนในภูมิภาคนี้ ส่วนจีนต้องการเราเป็นเสมือนตัวเชื่อมกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เป็นเส้นทางในการลงทุนเพื่อขยายตลาดการค้าของจีนในภูิภาคนี้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น เป็นการสกัดอิทธิพลของอเมริกาไปในตัว ทางเราเองเห็นว่าต่อไปจีนจะเป็นมหาอำนาจที่อาจแทนที่อเมริกาในอนาคต และเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางการเงินสูง(การลงทุน) เราจึงพยายามเข้าหาจีนในช่วงนี้ เพื่อผลประโยชน์ในการค้าและการลงทุนทีจะได้จากจีน ประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้พยายามที่จะเข้าหาจีนเช่นกัน เราจึงมีความได้เปรียบตรงที่ มาก่อนได้ก่อน แต่เรื่องนี้ย่อมมีผลต่ออเมริกาแน่นอน ที่อาจจะเสียผลประโยชน์ในภูมิภาคนี้ ในอนาคตแม้ว่าอเมริกาจะยังคงเป็นมหาอำนาจแต่งบประมาณและนโยบายต่างประเทศแถบนี้อาจลดลงเนื่องจากต้องรักษาผลประโยชน์ที่สำคัญๆเช่นตะวันออกกลางมากกว่า เป็นเรื่องที่ต้องติดตามครับว่า การวางตัวระว่างอเมริกากับจีนของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป นโยบายไผ่ลู่ลมของเราจะมีต่อไปหรือเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางอื่น
ปล ความเห็นส่วนตัวครับหากผิดพลาดอย่างไรทักท้วงได้นะครับ
ส่วนเรื่องเทคโนโลยีจรวดจากจีนนั้น ผมเองคิดว่าถ้าเราได้รับความร่วมมือตรงนี้ถือว่าดีมากๆครับ ไทยทำไทยใช้ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลนเมื่อถึงคราวจำเป็น ตัวจรวดธรรมดาๆไม่นำวิถีใครก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเราได้เทคโนโลยีนำวิถีจะถือเป็นก้าวที่สำคัญ ในการต่อยอดผลิตอาวุธอื่นๆ จีนเป็นประเทศที่ทั้งถอดและลอกแบบ อาวุธหลากหลายค่ายทั่วโลกน่าจะมีองค์ความรู้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เลิศหรูอย่างตะวันตกแต่เชื่อว่าเป็นระบบที่ใช้งานได้เพียงพอต่อความต้องการและอยู่ในศักยภาพที่เราจะเรียนรู้และพัฒนาได้
ส่วนตัวอยากให้เราศึกษาเรื่องระบบอำนวยการรบ ดาต้าลิงค์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงข้อมูลระว่างหน่วยอื่นๆเพิ่มเติม เพราะสงครามสมัยนี้เรื่องนี้จำเป็น และจะทำให้เราเป็นต่อในสนามรบ อาจศึกษาและถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศที่มีความรู้ทางด้านนี้เช่น จีน สวีเดน แล้วนำามาประยุกต์ใช้กับของที่เรามี หากจะไปถอยของตะวันตกมาทั้งระบบดูเงินในกระเป๋าแล้วคิดหนักแถม คิดเล่นๆครับ ถ้าเรามีระบบอำนวยการรบที่ทันสมัยเชื่อมโยงข้อมูลหากันได้ทั้งหมดที่สามารถประมวลผลสั่งการหน่วยอาวุธหนัก ยิงลงตรงเป้าหมายอย่างแม่นยำได้ภายในไม่กี่วินาทีหลังการร้องขอ จะทำให้เราได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามมากๆครับ
ส่วนตัวผมมองตรงข้ามคุณ non เลยครับ ผมมองว่าอเมริกาจะมาลงทุนทางแปซิฟิกและพยายามถอนตัวอออกจากตะวันออกกลางมากกว่า ซึ่งหลักนิยมของทศวรรษใหม่ของสหรัฐฯ ก็ร่างออกมาในแนวนั้น ตอนนี้เห็นมีคนได้ประโยชน์ไปแล้วสองรายคือ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่ได้รับความช่วยเหลือ มาเลย์เซียนี่ก็ไม่แน่ เวียดนามเองก็มีการสานสัมพันธไมตรีกับสหรัฐมากขี้นเรื่อยๆ คือผมมองเลยว่าคู่ขัดแย้งของจีนเป็นใคร (กรณี มก. แสปรตลีย์) สหรัฐต้องเข้าไปหนุนหลังงแน่ เพื่อลดทอนการแผ่ขยายอิทธิพลชองจีน และข่าวล่าก็คือสหรัฐเตรียมพิจารณาขายเอฟสิบหกให้กับไต้หวันอีกแล้ว หลังจากเพิ่งอนุมัติขายอาปาเช่ลองโบว์บล็อกสามให้แกไต้หวัน ถือเป็นลูกค้าลองโบว์บล็อกสามต่างชาติรายแรก ซึงก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่ เพราะช่วงหลังนี่จีนชักจะโชว์พาวหลายบ่อยขี้นเรื่อย