หนึ่งในขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งปรากฏในขบวนพาเหรดทหาร ณ จัตุรัสคิมอิลซอง เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา

       เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือเกือบเสร็จสิ้นการเตรียมการเพื่อทดสอบระเบิดนิวเคลียร์รอบ 3 แล้ว แหล่งข่าวอาวุโสที่ใกล้ชิดทางการเปียงยางและปักกิ่งเปิดเผย ขณะเดียวกับที่เกาหลีใต้เร่งระดมกำลังรักษาความปลอดภัยเพิ่ม หลังโสมแดงคำรามจะทำลายให้เป็นเป็นผุยผง
       
       แหล่งข่าวระดับสูงที่ใกล้ชิดทั้งปักกิ่งและเปียงยางอีกทั้งเคยแจ้ง ล่วงหน้าเรื่องการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกของเกาหลีเหนือในปี 2006 ได้อย่างถูกต้อง เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เกาหลีเหนือใกล้เตรียมการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ที่รับรู้เจตนารมณ์เปียงยาง ยืนยันว่าการทดสอบกำลังจะเกิดขึ้น
       
       แหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่า การทดสอบจะใช้พลูโตเนียมเหมือน 2 ครั้งที่แล้ว หรือใช้ยูเรเนียมเพิ่มความเข้มข้น ซึ่งเป็นตัวเลือกใหม่ที่นักวิเคราะห์จำนวนมากคาดไว้ และเป็นที่สงสัยมานานว่าโสมแดงยังโครงการนี้ด้วย นอกเหนือจากเชื้อเพลิงพลูโตเนียมแล้ว ทว่าเกาหลีเหนือเพิ่งออกมายอมรับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
       
       ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารระบุว่า ความสำเร็จในการทำ “นุก” ด้วยยูเรเนียมเพิ่มความเข้มข้น จะทำให้เปียงยางสามารถสะสมวัสดุนิวเคลียร์เพื่อผลิตระเบิดแบบเดียวกับที่ ถล่มฮิโรชิมาเมื่อ 70 ปีที่แล้วได้จำนวนมาก และสามารถผลิตหัวรบนิวเคลียร์เพื่อติดตั้งในขีปนาวุธพิสัยไกลได้ง่ายยิ่ง ขึ้น
       
       แหล่งข่าวคนเดิมสำทับว่า เกาหลีเหนืออาจพิจารณายกเลิกการทดสอบ หากสหรัฐฯ ตกลงทำสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อยุติสงครามเกาหลีระหว่างปี 1950-1953 อย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวที่บังคับใช้อยู่
       
       ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์หลายฉบับของเกาหลีใต้ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในโซลว่า การทดสอบนุกอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์นี้
       
       ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือประกาศพร้อมตอบโต้การประณามของนานาชาติกรณีที่ตนปล่อยจรวดส่งดาว เทียมซึ่งประสบความล้มเหลวในวันที่ 13 เดือนนี้ ทำให้มีแนวโน้มสูงว่า โสมแดงจะฝ่าฝืนมาตรการลงโทษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 3
       
       นอกจากนี้เมื่อวันจันทร์ (23) เปียงยางยังขู่ทำลายโซลเป็นผุยผงภายในไม่กี่นาที พร้อมกล่าวหาประธานาธิบดีลีเมียงบั๊กและสื่อแนวอนุรักษนิยมของเกาหลีใต้ว่า ทำลายชื่อเสียงผู้นำเกาหลีเหนือและบิดเบือนความคิดเห็นของชาวเกาหลีใต้
       
       ต่อมาในวันอังคาร สำนักงานตำรวจกรุงโซลระดมกำลังเจ้าหน้าที่ 200 คนคุมเข้มที่ทำการหนังสือพิมพ์ดองเอ อิลโบ, เคบีเอส, เอ็มบีซี, โชซุน อิลโบ, จองอัง อิลโบ และสถานีทีวีวายทีเอ็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัย
       
       โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้แถลงวันเดียวกันว่า โซลจะตอบโต้การรุกรานก้าวร้าวด้วยความเด็ดขาด
       
       อนึ่ง เกาหลีเหนือภายใต้ผู้นำใหม่ คิมจองอึน แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับเกาหลีใต้มากขึ้นนับจากสัปดาห์ที่แล้วที่ ประธานาธิบดีลีวิจารณ์ว่า การปล่อยจรวดของเปียงยางเมื่อวันที่ 13 ซึ่งคาดว่า มีค่าใช้จ่ายถึง 850 ล้านดอลลาร์นั้น สามารถนำไปซื้อข้าวโพด 2.5 ล้านตันแจกจ่ายประชาชนที่หิวโหยได้
       
       เปียงยางนั้นประกาศว่า การปล่อยจรวดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในแผนการเฉลิมฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิด ปีที่ 100 ของคิมอิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศและปู่ของผู้นำคนปัจจุบัน
       
       เกี่ยวกับการปล่อยจรวดเมื่อกลางเดือนนั้น นักการทูตในยูเอ็นเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า บริษัท หูเป่ย ซันเจียง สเปซ หว่านซาน สเปเชียล เวฮิเคิล ที่วอชิงตันสงสัยว่า ขายโครงช่วงล่างของพาหนะบรรทุกขีปนาวุธทันสมัยล่าสุดให้เกาหลีเหนือโดยรู้ เท่าไม่ถึงการณ์นั้น ได้เผยแพร่ข่าวผ่านเว็บไซต์ของบริษัทเมื่อปีที่แล้ว เกี่ยวกับการขายอุปกรณ์ดังกล่าว แม้ไม่ได้ระบุชื่อลูกค้าก็ตาม
       
       ในข่าวแถลงของบริษัทระบุถึง ความสำเร็จในการจัดส่งยานพาหนะออฟโรดพิเศษขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่รับ น้ำหนักบรรทุกจำนวนมากเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม และกล่าวถึงโครงช่วงล่างของยานนี้ที่วอชิงตันเชื่อว่า เปียงยางซื้อไป ว่ารับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 122 ตัน และถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในจีน และสุดท้ายระบุว่า บริษัทรอคอยการร่วมมือในอนาคตกับ "ผู้บริโภค” สินค้านี้
       
       นักการทูตผู้หนึ่งกล่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเชื่อ “99%" ว่า ข่าวแถลงดังกล่าวหมายถึงโครงช่วงล่างของยานพาหนะที่เกาหลีเหนือใช้บรรทุก จรวดในพิธีสวนสนามเมื่อเร็วๆ นี้
       
       ทั้งนี้ หูเป่ย ซันเจียงเป็นบริษัทในเครือของไชน่า แอโรสเปซ ไซนซ์ แอนด์ อินดัสทรี คอร์ป รัฐวิสาหกิจจีนที่ผลิตจรวดเสินโจวและขีปนาวุธ
       
       ทางด้านเจ้าหน้าที่ของหูเป่ย ซันเจียง กล่าวว่า เคยค้าขายกับเกาหลีใต้ แต่ไม่เคยติดต่อกับเกาหลีเหนือ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวถึงข้อหานี้ว่า จีนยังคงประสานงานกับทุกประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ในประเด็นการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์
       
       อย่างไรก็ดี ขณะนี้ คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นกำลังตรวจสอบว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จีนละเมิดมาตรการลงโทษที่ห้ามประเทศอื่นๆ ส่งออกเทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธให้แก่เกาหลีเหนือ
       
       แต่ถึงบริษัทจีนยังคงช่วยเหลือเปียงยางทั้งด้วยการโอบอุ้มของปักกิ่ง หรือไม่ก็ตามนั้น คณะมนตรี จะไม่สามารถลงโทษจีนได้ เนื่องจากจีนเป็นสมาชิกถาวรจึงสามารถใช้สิทธิ์คัดค้านการลงโทษตนเองได้

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000051123