หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


รัสเซียหยุดเจรจาขาย Su-35 กับจีน หวั่นซื้อไปก๊อบ

โดยคุณ : kaypui42 เมื่อวันที่ : 22/04/2012 23:20:17


เครื่อง ต้นแบบของเครื่องบินล้ำยุค Su-35 "ซูเปอร์แฟล็งเคอร์" (Super Flanker) ระหว่างทดลองบินเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารของบริษัทค้าและส่งออกอาวุธของรัสเซียเปิดเผยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ สัปดาห์นี้ว่า หลังดำเนินมาหนึ่งปีครึ่ง การเจรจาขายอาวุธให้กับจีนได้ยุติลงแล้ว โดยระบุว่าจีนต้องการซื้อ "จำนวนจำกัด" ขณะที่ฝ่ายรัสเซียต้องการขายแบบ "ลอตใหญ่" ซึ่งอาจจะสะท้อนว่า จีนไม่พอใจ "ลอตใหญ่ 48 ลำ" มูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้เทคโนโลยีทันสมัยติดไปกับเครื่องด้วย และหันมาขอซื้อแบบ "ลอตเล็ก" ขณะที่ฝ่ายรัสเซียเกรงว่า จะเป็นการซื้อไปเพื่อทำเลียนแบบ.-- ภาพ: สำนักข่าวโนวอสติ.
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- เดือน ก.พ.ปีนี้มีข่าวฮือฮาชิ้นหนึ่งที่ทั้งภูมิภาคและทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ ชิดคือ ข่าวที่ว่ารัสเซียกำลังจะเซ็นสัญญาซื้อขายเครื่องบินรบล้ำหน้าซูคอย-35 (Su-35) ให้แก่จีนจำนวน 48 ลำ มูลค่าราว 4,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายภายในรัสเซียเอง แต่สัปดาห์นี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
       
       การเจรจาซื้อขายดังกล่าวได้ได้หยุดลงแล้ว ผู้บริหารบริษัทค้าและส่งออกอาวุธของรัฐ เป็นผู้เปิดเผยเรื่องนี้
       
       "เราได้พยายามส่งเสริมซู-35 ในตลาดจีน" นายวิกเตอร์ โกมาดิน (Victor Komadin) รองผู้อำนวยการบริษัทรอสโซบอโรเน็กซ์พอร์ต (Rosoboronexport) ในสังกัดกระทรวงกลาโหม กล่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมาระหว่างไปร่วมงานแสดงด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดขึ้นในกรุงกัวลาลัม เปอร์
       
       "อย่างไรก็ตามฝ่ายจีนต้องการซื้อ (เครื่องบินซู-35) ในจำนวนจำกัด ขณะที่เราต้องการขายลอตใหญ่ เพื่อให้การซื้อขายมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ" นายโกมาดินกล่าวโดยไม่ได้อธิบายในรายละเอียด แต่ถือเป็นการสิ้นสุดการเจรจาที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายปี 2553
       
       ข่าวที่ระบุว่าจีนเจรจาซื้อลอตใหญ่ถึง 48 ลำ รวมทั้งครั้งล่าสุดในเดือน ก.พ.ปีนี้ล้วนเป็นข่าวที่รายงานโดยสื่อในรัสเซีย ซึ่งบัดนี้แสดงให้เห็นว่าจีนได้ต่อรองลดจำนวนที่ขอซื้อลง แต่นายโกมาดินก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขว่า เป็นจำนวนกี่ลำ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีข่าวนี้จากฝ่ายจีน
       
       นักวิเคราะห์มองก่อนหน้านี้ว่า การขอซื้อเครื่องบินล้ำหน้า "ยุคที่ 4++" ของรัสเซีย อาจจะสะท้อนว่าจีนกำลังมีปัญหาในการผลิตเครื่องบินล้ำยุคของตน ขณะเร่งพัฒนากองทัพประชาชนที่มีกำลังพลมากที่สุดในโลกให้ทันสมัย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า หากไม่นำเข้าเทคโนโลยีที่จำเป็นต่างๆ จีนก็อาจจะต้องใช้เวลาอีก 20-30 ปี จึงจะทัดเทียมโลกตะวันตก
       .


เครื่อง ต้นแบบของเครื่องบิน ซู-35 "ซูเปอร์แฟล็งเคอร์" ระหว่างขึ้นบินทดสอบนัดหนึ่ง ผู้บริหารบริษัทค้าและส่งออกอาวุธของรัสเซียเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า การเจรจาซื้อขายเครื่องบินรุ่นนี้กับจีนได้ยุติลงแล้วหลังดำเนินมาหนึ่งปี ครึ่ง นี่คือเครื่องบินรบ "ยุคที่ 4 ++" สุดล้ำหน้าของรัสเซีย ซึ่งในสัปดาห์นี้เช่นกันได้ขึ้นบินทดสอบเป็นครั้งที่ 500 แล้ว สำนักข่าวของทางการรายงาน.-- ภาพ: สำนักข่าวโนวอสติ.
       .
       ข่าวการเจรจาซื้อขายเครื่องบิน Su-35 “ซูเปอร์แฟล็งเคอร์” (Super Flanker) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในเว็บไซต์ข่าวกลาโหมต่างๆ มาตลอด รวมทั้งผ่านสื่อต่างๆ ในรัสเซียด้วย นักวิชาการในกรุงมอสโกหลายรายได้ออกเตือนรัฐบาลประธานาธิบดีดิมิตรี เมดเวเดฟ ให้ระวังการขายอาวุธทันสมัยให้จีน ซึ่งในอดีตเป็นศัตรูคู่อาฆาตของค่ายคอมมิวนิสต์ใหญ่โซเวียต
       
       เมื่อโซเวียตแตกเป็นเสี่ยงและกลายมาเป็นสหพันธรัฐรัสเซียซึ่งล้ม ละลายทางเศรษฐกิจนั้น ประเทศนี้ต้องการเงินมหาศาลไปพัฒนาประเทศรวมทั้งซื้ออาหารให้กับประชาชน กว่า 140 ล้านคน ทำให้ต้องขายอาวุธที่มีอยู่เหลือเฟือให้จีน รวมทั้งขายลิขสิทธิ์การผลิตเครื่องบินรบ Su-27 "แฟล็งเคอร์" ให้ด้วย
       
       จาก Su-27 จีนได้พัฒนาเครื่องบินคู่แฝดขึ้นมา ภายใต้รหัส J-15 ซึ่งดูดีกว่า และเก็บงานต่างๆ ได้ละเอียดกว่าเครื่องบินต้นแบบของรัสเซียเสียอีก รวมทั้งติดระบบควบคุมการบิน ระบบเรดาร์และระบบควบคุมอาวุธ รวมทั้งใช้เครื่องยนต์ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีขอจีนเอง
       
       ซู-27 เป็นเครื่องบินรบอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และประสิทธิภาพดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของโลก เคยได้ชื่อเป็นเจ้าเวหาของค่ายหลังม่านเหล็กในยุคสงครามเย็น
       
       บริษัทซูคอยได้พัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้มาเป็นระยะและใช้รหัสเรียก ต่างๆ กันไปตามเทคโนโลยี ระบบอาวุธหรือเครื่องยนต์ที่ติดตั้งใหม่ ปัจจุบันรัสเซียได้พัฒนามาถึง Su-30 ทั้งเพื่อใช้ในในกองทัพและส่งออก และพัฒนา Su-33 เพื่อประจำการบนเรือบรรทุกคุซเน็ตซอฟ
       
       ปัจจุบันจีนกำลังเร่งพัฒนาเครื่องบิน "ซู-33" ของจีนเองเช่นกัน โดยใช้รหัส J-18 และอยู่ระหว่างทดลองใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินวาร์แยก (Varyag) ที่จีนสร้างขึ้นใหม่จากโครงเรือที่เอกชนรายหนึ่งซื้อจากสาธารณรัฐยูเครนใน สภาพเศษเหล็ก เพื่อนำไปทำเป็น “กาสิโนลอยน้ำ”
       
        Made in China จีนทำได้ทำอย่าง


เครื่อง บินรบ Su-30 ที่จีนซื้อจากรัสเซียช่วงกว่า 10 ปีมานี้ ปัจจุบันกองทัพอากาศจีนมี Su-30MK รุ่นเก่า 76 ลำ กับ Su-30MK2 ที่ใหม่กว่าอีก 23 ลำ รหัสต่อท้ายของแต่ละรุ่นบ่งบอกความแตกต่างเกี่ยวกับระบบควบคุมการบิน ระบบเรดาร์หรือระบบควบคุมอาวุธที่ใช้ ปัจจุบัน Su-30 เป็นเครื่องบินรบหลักและทันสมัยที่สุดของจีน แต่ J-15 (ภาพต่อไป) ที่ผลิตออกมาเองก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ตะวันตกว่า "ใกล้เคียง" กับ Su-30 เข้าไปมากแล้ว. -- ภาพ: เว็บไซต์ Aussie Defnce.
       


จาก Su-37 ที่รัสเซียยอมขายสิทธิบัตรให้ไปผลิตเองเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ปัจจุบันจีนผลิตเครื่องบินคู่แฝด J-15 ขึ้นมาซึ่งได้รับคำชมว่า ดูดีกว่า และเก็บงานต่างๆ ละเอียดสวยงามกว่า Su-27 ของรัสเซียเสียอีก แถมยังติดระบบควบคุมการบิน ระบบเรดาร์ ระบบควบคุมอาวุธ รวมทั้งเครื่องยนต์ที่จีนผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีของตนเองอีกด้วย รัสเซียเกรงว่าการที่จีนขอซื้อ Su-35 "ซูเปอร์แฟล็งเคอร์" ใน "จำนวนจำกัด" อาจเป็นการซื้อไปเพื่อผลิตเลียนแบบขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง การเจรจาซื้อขายที่ดำเนินมาปีครึ่งได้ยุติลงแล้ว. --ภาพ: Aussie Defence.
       .
       เครื่องบิน J-18 ของจีนก็มีที่มาคล้ายกัน เป็นการพัฒนาแบบสร้างขึ้นใหม่จากโครงของ Su-33 ลำหนึ่งที่สหภาพโซเวียตทิ้งเอาไว้ในสาธารณรัฐยูเครน และจีนซื้อไปในสภาพเศษเหล็กเมื่อกว่า 10 ปีก่อน
       
       อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทค้าอาวุธของรัฐบาลจะอ้างว่า Su-35 เวอร์ชั่นส่งออก รวมทั้งที่จะขายให้จีนนั้นจะไม่ได้เทคโนโลยีการบินและเทคโนโลยีอาวุธที่ทัน สมัยไปด้วย และติดเครื่องยนต์คนละรุ่นกับที่ใช้ในกองทัพอากาศรัสเซีย แต่นักวิชาการก็มองว่าวันหนึ่งข้างหน้า จีนอาจจะหันคมหอกคมดาบเหล่านี้กลับเข้าใส่รัสเซียก็เป็นได้
       
       แต่บางเสียงก็กล่าวว่า ถึงกระนั้นการขายอาวุธให้จีนก็อาจจะมีผลดี อย่างน้อยจะทำให้รัสเซีย "รู้จักจีน" มากยิ่งขึ้น ในยามศึกสงคราม
       
       นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งกล่าวก่อนหน้านี้ว่า หากรัสเซียไม่ยอมติดตั้งอุปกรณ์การบินกับเครื่องยนต์เทคโนโลยีสูง รวมทั้งระบบอาวุธที่ทันสมัยใน Su-35 ให้กับจีน ฝ่ายจีนก็อาจจะสนใจการซื้อลอตใหญ่น้อยลงและอาจจะไม่ยอมตกลงในที่สุด
       
       ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้จากฝ่ายจีนอีกเช่นเคย.

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000049764

 





ความคิดเห็นที่ 1


Gripen NG ยังมีนะพี่จีนคร๊าฟๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

โดยคุณ securitytot เมื่อวันที่ 22/04/2012 07:40:15


ความคิดเห็นที่ 2


จะล็อตเล็กล็อตใหญ่ไม่สำคัญ ขอให้ถึงมือจีนเหอะ ก็อปชัวร์ป๊าบ 

ผมเป็นรัสเซียผมก็ไม่ขายหรอก ถ้าขายก็ต้องเจรจาขายสิทธิ เพราะไม่งั้นโดนก็อปฟรี 

เวลาอ่านบอร์ดอนเตอร์ ฝรั่งก็จะชอบถามคนจีนว่า ทำไมต้องไปก็อปของรัสเซียด้วย คนจีนก็จะบอกว่า เอ้า ก็ของมันดีอยู่แล้วจะไปโมฯ ทำไม? (ก็จริงของเขา)

(ไม่ทราบว่ากริพเพนเอ็นจีมันเกี่ยวอะไรด้วย) 

แต่มองในอีกแง่ ขายไปอาจจะไม่เสี่ยงมากมาย เพราะรัสเซียก็เตรียมจะผลัดรุ่นไปสู่ pak-fa แล้ว

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 22/04/2012 09:23:26


ความคิดเห็นที่ 3


คุณ tongwarit อย่าไปใส่ใจเลยครับเรื่อง Gripen NG นะ  คณะเชิญยิ้มประจำบอร์ดมาสร้างความครื้นเครงให้กระทู้นี้นะครับ

โดยคุณ nick01 เมื่อวันที่ 22/04/2012 11:28:59


ความคิดเห็นที่ 4


คงไม่ได้กลัวก๊อปอะไรขนาดนั้น เพราะคงรู้ว่าถ้าถูกซื้อไปโดนก๊อปอยุแล้ว แต่ที่ขายเป็นล๊อตใหญ่ เพราะน่าจะอยากหาคนช่วยหารค่า เทคโนโลยีเฉยๆมั้ง

โดยคุณ fulcrum37 เมื่อวันที่ 22/04/2012 15:14:28


ความคิดเห็นที่ 5


คุณ  nick01   มีปมด้อย หรือมีอะไรเก็บกดอยู่ในใจแล้วไม่มีที่ระบายหรือเปล่าครับ น่าสงสาร  ToT

โดยคุณ securitytot เมื่อวันที่ 22/04/2012 15:23:31


ความคิดเห็นที่ 6


ไม่ได้เก็บกดหรือมีปมด้อยหรอกครับ  securitytot   แค่ขำกับคนที่ต้องเปลี่ยน login แล้วมาตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมา คำตอบก็เคยมีคนตอบให้อยู่แล้วแต่ก็ยังถามอีก พอโดนถามกลับก็ทิ้งกระทู้ไม่กลับมาตอบนะครับ ก็เลยคิกไปว่าคนประเภทนี้มาสร้างความครื้นเครงให้บอร์ดนะครับ เลยถึงบอกว่าอย่าไปใส่ใจเลยครับ

โดยคุณ nick01 เมื่อวันที่ 22/04/2012 16:43:10


ความคิดเห็นที่ 7


ที่ผมถามนี่ความจริงคือฮาอยู่ครับ

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 22/04/2012 23:20:17