ราชนาวีต่อเรือสำรวจน้ำมันฝีมือไทย
ราชนาวีต่อยอดองค์ความรู้ เรือสำรวจน้ำมันฝีมือไทย : ตะลุยกองทัพ โดย ทีมข่าวความมั่นคง
หากกล่าวถึงเทคโนโลยีในการสำรวจน้ำมันใต้ท้องทะเล คงเป็นเรื่องยากมากที่ประเทศไทยจะได้รับการยอมรับในระดับโลก เนื่องจากบริษัทสำรวจ และขุดเจาะน้ำมันชั้นนำของโลกล้วนแล้วแต่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป รวมทั้งประเทศชั้นนำในเอเชียอย่างจีน และญี่ปุ่นทั้งสิ้น
แต่ในวันนี้ อู่ต่อเรือในประเทศไทยกลับได้รับการยอมรับในระดับโลกให้ทำการ "ต่อเรือสำรวจน้ำมัน" ให้แก่บริษัทชั้นนำในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งยังนำองค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยีดังกล่าวถ่ายทอดให้แก่กองทัพเรือไทยนำไปต่อยอดในการต่อเรือสำหรับใช้ในกิจการทหาร และกิจการพลเรือนในอนาคตอีกด้วย
นายพจน์ บุญดวงประเสริฐ กรรมการอำนวยการบริษัทโอ๊คเวล ชิพยาร์ด จำกัด กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนร่วมกันระหว่างนักลงทุนของไทยกับประเทศสิงคโปร์ โดยได้เช่าพื้นที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นสถานที่ต่อเรือในสมัยที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)
สำหรับเรือที่ทางบริษัทต่อนั้น เป็น "เรือซัพพลาย" ที่ใช้สำหรับการดูแล และตรวจสอบแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลมาเป็นระยะเวลานานจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้บริษัทขุดเจาะน้ำมัน Fugro ของประเทศ "เนเธอร์แลนด์" ได้ว่าจ้างทางบริษัทให้ต่อเรือสำรวจน้ำมันใต้ทะเล
"ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศในทวีปยุโรปว่าจ้างบริษัทต่อเรือในประเทศไทย รวมทั้งในภูมิภาคนี้ด้วย โดยก่อนหน้านี้บริษัทดังกล่าวไม่เคยจ้างบริษัทต่อเรือนอกทวีปยุโรปมาก่อน โดยปกติจะจ้างเฉพาะบริษัทของเนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี เท่านั้น เนื่องจากเรือชนิดนี้ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีชั้นสูง" นายพจน์ กล่าว
นอกจากนี้ ทางบริษัทของเนเธอร์แลนด์ยังว่าจ้างบริษัทให้ต่อเรือถึง 3 ลำ โดยลำแรกจะมีการส่งมอบในวันที่ 11 เมษายน 2555 ลำที่ 2 จะส่งมอบหลังจากนี้อีก 2 เดือน และลำที่ 3 จะส่งมอบหลังจากลำที่ 2 ไปอีกประมาณ 3 เดือน
เขาอธิบายหลักการทำงานของเรือลำนี้ว่า เรือสำรวจน้ำมันจะใช้เทคโนโลยี "เทเลสโคป" คือ การส่งคลื่นความถี่ลงไปใต้ท้องทะเลเพื่อสำรวจหาน้ำมัน จากนั้นคลื่นความถี่ที่ได้ก็จะสะท้อนกลับมาบนตัวเรือว่ามีน้ำมันปริมาณเท่าใด ซึ่งปกติเรือซัพพลายจะทำหน้าที่เพียงส่งช่าง และอุปกรณ์ไปซ่อมแซมแท่นขุดเจาะเท่านั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการใช้สำรวจน้ำมันด้วย
ส่วนสาเหตุที่บริษัทในยุโรปไว้วางใจอู่ต่อเรือของไทยนั้น เขาเผยว่า เป็นเพราะความชำนาญของทีมวิศวกรของบริษัท และฝีมือการ "เชื่อม" ของช่างไทยที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
"ที่เขาไว้ใจเรา เพราะเชื่อใจในฝีมือการเชื่อมว่าเราจะสามารถทำให้โครงสร้างตัวเรือแข็งแรงได้ ขณะที่เรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องรอง เพราะเทคโนโลยีเขาล้ำหน้าเราหลายสิบปี และสามารถซื้อมาใส่ทีหลังได้ ส่วนที่ต้องให้ความสำคัญกับการเชื่อมมาก เนื่องจากเหล็กตัวเรือมีความหนาถึง 6 ซม. ซึ่งช่างเชื่อมต้องเก่งมากๆ เพราะหลังเชื่อมเสร็จต้องเอกซเรย์ดูข้างในว่ามีรูอากาศอยู่หรือไม่ ถ้ามีต้องรื้อแนวที่เชื่อมออกทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิม เนื่องจากเรือต้องแล่นกระแทกคลื่นอยู่ตลอดเวลา"
เขาย้ำว่า การเช่าอู่เรือของกองทัพเรือถือว่าได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยบริษัทได้ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการต่อเรือในบางด้าน เช่น 1.ความรู้เรื่องการออกแบบเรือด้วยคอมพิวเตอร์ 3 มิติ 2.ความรู้เรื่องการเชื่อม โดยมีบุคลากรของกองทัพเรือเข้ารับการอบรม และมาศึกษาดูงานเป็นประจำ
สำหรับจุดเริ่มต้นของโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 โดยบริษัท โอ๊คเวล ชิพยาร์ด จำกัด จัดให้มีพิธีวางกระดูกงูเรือ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี น.อ.ประมวญ บุณยะปาน นายกสมาคมต่อเรือและซ่อมเรือไทย พร้อมนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือร่วมในพิธี
ทั้งนี้ เรือดังกล่าวชื่อเรือ Fugro Equator เป็นสำรวจน้ำมันขนาดความยาวตลอดทั้งลำ 65.68 เมตร มีกำหนดการจัดสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 18 เดือน
ต่อมา ในวันที่ 14 มีนาคม 2554 พล.ร.ต.พงศ์สรร ถวิลประวัติ ผู้อำนวยการอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ ร่วมกับ นายสตีฟ ดูฟฟิลด์ (Mr.Steve Duffield) ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท โอ๊คเวล ชิพยาร์ด จำกัด ได้เริ่มดำเนินการต่อเรือลำที่ 2 คือ เรือสำรวจน้ำมันชื่อ Fugro FSSV P1005 และจัดให้มีพิธีวางกระดูกเรือขึ้น ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช
นับว่า ความสำเร็จของบริษัทอู่ต่อเรือในประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกนอกจากจะสร้างชื่อให้แก่คนไทยแล้ว ยังนำมาสู่การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบ และต่อเรือให้ได้มาตรฐานสากลแก่กำลังพลของกองทัพเรือในระยะยาวด้วย
(หมายเหตุ :ราชนาวีต่อยอดองค์ความรู้ เรือสำรวจน้ำมันฝีมือไทย : ตะลุยกองทัพ โดย ทีมข่าวความมั่นค