นศท.

    ในความคิดเห็นของผม ผมว่ากำลังสำรองของไทย หรือ นศท.นั้น ไม่มีการฝึกที่จริงจังเลย เพียงแค่ฝึกๆ ไปให้ครบ 3 ปี และจบไปเป็นกำลังสำรอง ยศว่าที่สิบเอกเท่านั้นทั้งๆ ที่ความสามารถไม่สามารถเทียบเท่าสิบเอกจริงๆ ที่จบจากโรงเรียนนายสิบอย่างแน่นอน หรือจะเทียบเท่าพลทหารได้หรือไม่ ก็ยังสงสัย 
ยิ่ง นศท. ในยุคนี้ที่ฝึกเหมือนไปเข้าค่ายลูกเสือเลยครับ ต่างจากยุคก่อนที่เพิ่งจบสงครามปราบ ผกค. หรือการปะทะใหญ่ๆ ตามแนวชายแดน ซึ่งในยุคนั้นน่าจะยังคงฝึกเข้มข้นกว่านี้

   อย่างที่พี่ชายผมเคยเล่าว่าเป็น รด.(ในยุคนั้น) เข้าฝึกภาคสนามนานมากเลยครับ 10 กว่าวัน ฝึกโหด ฝึกหนักทุกอย่าง แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ความจำเป็นในการต้องการกำลังพลที่มากมายลดลง ตามนโยบาย "จิ๋วแต่แจ๋ว" จึงอาจทำให้กองทัพโดนตัดงบประมาณไปบ้าง ส่งผลกระทบกับกำลังสำรองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกทั้งช่วงหลัง ความตึงเครียดต่างๆ ก็เริ่มลดลง การฝึกกำลังสำรองจึงอาจค่อยๆ ลดความจริงจังลงอย่่างที่ผมเห็นอยู่  ทั้งการสอบวัดความรู้ ซึ่งตอนสอบก็มีโพย หรือแม้กระทั่งครูฝึกเองก็เป็นคนบอกคำตอบด้วย และการฝึกยิงปืน ได้ยิงคนละไม่กี่นัดจึงไม่น่าจะเกิดความชำนาญในการใช้อาวุธจริงๆ แต่ก็คิดว่าดีนะครับได้สัมผัสการใช้อาวุธจริงซักครั้งหนึ่ง 
   สำหรับภัยคุกคามในปัจจุบัน คิดว่า การใช้กองทัพที่เน้นกำลังพลเป็นจำนวนมาก ได้ลดความสำคัญลงแล้วล่ะครับ ดังนั้นกำลังสำรองอาจต้องลดความสำคัญลง
อย่างที่ผมสังเกตุคือ ตอนนี้ นศท. ปี2 ไม่ได้ฝึกภาคสนามแล้วครับ ยกยอดไปฝึกปี3 ทีเดียว 6 วัน 5 คืน เลยครับ

    ตอนนี้ที่ผมรู้มา นศท.ปี3 ได้ยิงปืนเเค่6นัดเเล้วครับน้องผมบอกมาครับ  เเต่เป็นศูนย์ต่างจังหวัดไม่ทราบว่าเหมือนกันทุกที่หรือปล่าวครับ

    เรื่องยิงปืนนี่ในความคิดผมนะครับผมว่ากระสุนที่ได้จากงบราชการก็ยิงไป ใครอยากยิงอีกก็ซื้อเอาราคามันก็ไม่เเพงเพราะใช้สิทธิ์ นศท.ซื้อ สนามยิงปืนก็ไม่ต้องจ่ายค่ายิงเพราะเก็บค่าสมาชิกเเล้วตั้งเเต่รายงานตัว..

    เรื่องการฝึกอันนี้เห็นด้วยครับฝึกน้อยมากครับในปัจจุบัน  ตอนผมอยู่ปี1ตอนเเรกๆฝึกเเทบตายประมาณ 5-6 ปีที่เเล้ว ครับ  ผมอยู่ศูนย์นอก(ฝึกนอกค่ายทหาร)ตอนนั้นเขาบอกว่าเป็นการฝึกเเบบที่2 เเต่ไปๆมาๆ เล่น ฝึกอาทิตย์ละ6วัน หยุดให้วันอาทิตย์1วัน ฝึกตั้งเเต่ตั้งเเต่08.00-17.00 ฝึกเกือบ 3 อาทิตย์ เกิน 80 ชั่วโมงตามหลักสูตรอีก ช่วงนั้นหน้าฝน(ภาคใต้)ฝนก็ตกทุกวันเหมือนกันถ้าวันไหนไม่เปียกไม่เปื้อนเป็นเรื่องเเปลกที่สุดสำหรับวันนั้น ถ้าพักอยู่ดีๆได้ยินเสียงนกหวีดเป็นได้เหนื่อยกันท่วนหน้าครูฝึกก็สรรหาเรื่องต่างๆมาเเดกได้ทุกชั่วโมง

สำหรับรุ่นผมไปฝึก ได้ยิง 10 นัด ยังไม่หายอยาก ตอนนี้เป็นายสิบ ยิงได้เป็นร้อยๆ นัด แทบจะยิงทิ้งยิงขว้างกันเลยทีเดียว อิอิ

การฝึก รด. รุ่นผมก็ไม่ถึงกับหนักเท่าไรนักครับ นานๆที่จะมีถึงกับอ้วกบ้างนานๆครั้ง 555 ไม่รู้เดี๋ยวนี้จะฝึกกันแบบไหนแล้ว แต่ก็ขอฝากไว้อย่างก็คือ สิ่งที่ได้รับมาจากการเรียน รด. นั้น ให้คำนึงไว้เลยครับว่าเราต้องได้ในอนาคตแน่นอนไม่มากก็น้อยครับ ขอให้จดจำช่วงเวลาดีๆนี้ไหวครับ

ถ้าศูนย์ต่างจังหวัด ผมว่าจะฝึกจริงจังกว่ากรุงเทพฯ มาก ยิ่งถ้าคุณได้ฝึกกับเด็กจากโรงเรียนแถวๆ จุฬาฯ นี่ เมื่อยสุดก็เพราะการนั่ง นั่งจนปวดขา ไม่มันเลย อันนี้ครูฝึกบอกมาว่าพวกเด็กโรงเรียนหรูๆ นี่หน่อมแน้มฝึกไปก็ทำไม้ไหวก็เลยจะเคี่ยวเข็ญไม่ได้ สอบยังไม่ผ่่านเลยแต่โรงเรียนเส้นใหญ่เลยผ่านเข้ามาได้

ผมก็เสียดายว่าตอนฝึก อย่างน้อยก็น่าจะได้มันๆ หน่อย ฝึกทั้งทีแล้ว แต่มันจะมีครูฝึกแค่คนเดียวที่จริงจังเขี้ยวกับเด็ก ที่เหลือเขาเบื่อเด็กเพราะเด็กเหยาะแหยะเกิน ก็เลยนิ่มๆ ไปด้วย วันๆ ก็ฟังครูพูดไปเรื่อยเจื้อยให้เวลาหมด นี่ผมพูดมาทั้งหมดประสบการณ์จริงนะครับ

แถมชอบบังคับขายของเด็ก เช่นบังคับขายเสื้อไซส์เอ็มให้ทุกคน (ที่เขาชนไก่) แล้วพวกตัวใหญ่ๆ ก็ใส่ไม่ได้ ซื้อมาเป็นผ้าเช็ดหน้า ครูคนนึงก็ออกมาด่า(ครูคนอื่นๆ) ให้เด็กฟังว่าพวกที่บังคับขายของเด็ก ไม่ถูกต้อง ครูยังแอนตี้พวกนี้เลย

ดูแล้วกำลังสำรองที่ใช้ได้น่าจะมาจากต่างจังหวัดซะเป็นส่วนใหญ่มากกว่า ถ้าจากกรุงเทพฯ นี่คิดหนัก

    ถ้าถามถึงทิศทาง ตอนนี้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบพยามยามสร้างระบบ และพัฒนาระบบควบคุมกำลังสำรองไปมาก   ตามความเห็นส่วนตัวปัญหาหลักของกำลังสำรองคือ ค่านิยมของการเรียนครับ  ผู้เรียน รด.เกือบร้อยละ 100  คิดว่า "เรียนเพื่อไม่ต้องเป็นทหาร ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร" ไม่ได้คิดว่าการเรียน รด. คือ การเรียนเพื่อเป็นทหารอีกรูปแบบหนึ่ง  เมื่อมีปัญหาทางด้านความคิดตั้งแต่เริ่มต้นซะแล้ว การสร้างระบบที่จะเข้ารับการฝึกด้วยการเรียกพล การปฏิบัติตาม กฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารที่เกี่ยวข้องจึงมีปัญหาอยู่พอสมควรครับ

จากประสบการณ์ที่ได้เรียนมา ซึ่งตอนนี้จะขึ้นปี.3แล้ว กะว่าจะเรียน5ปีเลย เพราะชอบจริงๆถึงได้มาเป็นแต่ถามว่าทัศนคติที่ว่าเรียนเพื่อไม่ต้องไปเป็นทหารอ่ะ ใครเป็นคนปลูกฝัง นั่นก็คือ พ่อแม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแม่ที่กลัวลูกจะลำบากอย่างโน้นอย่างนี้ เลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหินทัศนคติแบบนี้ก็เลยเหมือนคำสอนสืบต่อๆกันมา ถ้าแก้ทัศนคติตรงนี้ได้ย่อมทำให้ได้คนที่มีคุณภาพอยากมาเรียนจริงๆ จึงควรจะแก้ตรงจุดนี้ด้วย อาจเปลี่ยนเป็น รด. แต่ก็จะถูกประจำการในกองทัพอยู่ดี เพียงแต่อาจน้อยลง เหมือนกับยื่นวุฒิสมัครทหารเกณฑ์

ต่อมาคือ งบประมาณส่วนตัวคิดว่างบประมาณไม่น่าเกี่ยวมันไม่เหมือนพลทหารที่ว่ากองทัพเอาเงินมาฝึกคนเหล่านี้ แต่รด. ต้องเสียเงินเรียน ซึ่งก็ไมไ่ด้เก็บถูกๆซึ่งเอางบส่วนนี้มาบริหารและฝึกให้ รด. มีคุณภาพแน่นอน แต่ที่ฝึกไมไ่ด้คุณภาพเพราะครูฝึกก็เหนื่อยที่ได้เบี้ยเลี้ยงน้อยมาก ได้ยินมาว่ากะหละไม่ถึง20บาทด้วยซ้ำต่อวัน คนที่ได้ประโยชน์คือน่าจะเป็นกองทัพมากกว่าโดยที่เอาเงินส่วนนั้นไปใช้อย่างอื่น

ต่อมาคือการรับเอาพวกเด็กเนิท(ภาษาวัยรุ่นเพิ่งได้ยินมาเหมือนกัน เป็นพวกเด็กเรียน) พวกนี้อยู่ตามโรงเรียนดังๆ เคยได้ยินมาว่าก่อนจะคัดเลือก รด. ปี1 ผู้ปกครองพวกนี้จะช่วยกันลงเงินกองกลางเลี้ยงพวกครูฝึกคัดเลือก รด. พอเด็ก รร. พวกนี้มาสอบ ยังไงๆก็ได้ ซึ่งเห็นแล้วแหม่พวกอยากหนีทหารทั้งนั้น พอมาตอนฝึกพวกนี้ฝึกได้ไม่ได้เรื่องเลย ผมเคยเรียนกับพวกนี้ระเบียบนี่ สู้จากที่ที่ผมเรียนมาไม่ได้แต่น้อย ศูนย์ผมได้เป็นตัวแทนได้ไปสวนสนามในโอกาส วัน นศท. อีกด้วย ซึ่ง รร. ดังๆนี่ ได้เข้ามาเรียน ชั้นปีหละไม่ต่ำกว่า 200 คน โห ผมนึกว่า รร. ผมเยอะแล้วนะ(100ต้นๆ) 200คนสงสัยจะฟิตกันมาก(เงิน) 

ทั้งหมดนี้จึงอยากฝากให้หน่วยที่เกี่ยวข้องแก้ไข และ ฝึกให้มันโหดๆกว่านี้หน่อย ฮ่าๆ ซาดิตๆ

บางที่อาจจะมีการฝึกที่เข้มข้นแต่ว่าคงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องจากปัจจุบันเป็นการฝึกแค่สัปดาห์ละครึ่งวัน ต่างจากเมื่อก่อนที่ช่วงโรงเรียนปอดเทอมแรก นั่นจะเป็นห้วงเวลาการฝึกของ นศท. ทุกวัน(หมายถึง จันทร์ถึงศุกร์)ตลอดทั้งเดือน การฝึกความใกล้ชิดกับครูฝึก ระเบียบวินัยการแต่งกายค่อนข้างจะเข้มข้น ถ้ากล่าวในแง่ของนโยบายลดกำลังพลประจำการ กองทัพก็ควรจะเน้นไปที่กำลังสำรอง ดังนั้นกำลังสำรองควรจะมีการฝึกให้พร้อมกว่าที่เป้นอยู่ ไม่ใช่ลดความเข้มข้น ลดงบประมาณกำลังสำรอง ทั้งๆที่ควรจะเพิ่มงบประมาณในการฝึกกำลังสำรองเสียด้วยซ้ำ เมื่อถึงคราวจำเป้นจะได้มีความพร้อมในการเรียกฝึกทบทวน การคัดเลือกก็ควรเน้นบุคคลที่พร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจ คัดหน่อย และกลับไปใช้วิธีการฝึกช่วงปิดเทอมหนึ่งเดือนเต็มๆเหมือนเดิมและเคี่ยวเข็ญเรื่องระเบียบวินัยอย่างเข้มงวด ไม่ใช่ลูกแหง่ใครไม่อยากเป็นทหารก็สมัครเข้ามาฝึกให้จบๆไปแค่สัปดาห์ละครึ่งวัน พ้นนอกสถานศึกษาชายเสื้ออยู่นอกกางเกง แขนพับลงมาเหลือตรงข้อศอก หสวกที่สวมยังกับกุ๊กร้านคาราโอเกะ เห็นแล้วน่าเตะชมัด แบบนั้นไม่ต้องเอามาครับ ภาคสนามจำเป็นต้องมีเพื่อขวัญกำลังใจและการแก้ไขปัญหาเมื่ออยู่กับพื้นที่ป่าเขาจริงๆ เมื่อฝึกจบปลดเป็นกำลังสำรองแล้ว ให้มีการเรียกฝึกทบทวนทุกคนปีละครั้งจนครบสามครั้ง ใครจะถูกเรียกปีต่อปี หรือ ปีเว้นปี ก็สุ่มเรียกมาแต่ต้องเรียกทุกคนจนกว่าจะครบสามครั้ง ย้ำว่าเรียกฝึกทบทวนครับ คือเรียกมาฝึก 28 วัน ไม่ใช่เรียกตรวจความพร้อมรายงานตัวแล้วกลับบ้านแบบนั้น ทีนี้เมื่อ นศท. ทราบว่าต้องเรียนตลอดทั้งเดือนทุกวันเมื่อเรียนจบแล้วจะต้องถูกเรียกเข้าค่ายฝึกต่อหลังจากนั้นก็จะสามารถคัดกรองพวกที่อยากเรียนหนีทหารได้ส่วนหนึ่งก็จะเหลือคนที่มีใจรักหรือถ้าเข้ามาแล้วก็ได้ฝึกพฤติกรรมไปได้ด้วยในตัว แต่ขอให้กรมกำลังสำรองเอาจริง ครูฝึกเข้มงวดจริง เก็จะได้กำลังสำรองที่มีคุณภาพจริงๆครับ

สมัยผมก็ฝึกหนักแล้วก็สนุกด้วย ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดโดยเฉพาะปี3 ต้องไปฝึกที่ค่ายทหารที่นครศรีธรรมราช ลงรถหน้าค่ายเข้าแถวตอนรียงหนึ่ง สมัยนั้นครูฝึกใจดีมากๆให้ลุกอมมาอมหนึ่งเม็ดๆอมทั้งแถวลองคิดดุว่าจะอร่อยแค่ไหนได้ฝึกทั้งกลางวันและกลางคืน ปืนถ้าจำไม่ผิดของผมหน้าจะได้ยิง10นัดนะแต่อย่างนึ่งนะที่ผมจำได้ไม่ลืมคือ อาหารอร่อยมากโรงครัวทำกับข้าวอร่อยมากๆครับ ไม่ใช้ว่าอร่อยเพราะฝึกหนักนะแต่อร่อยจริงๆครับ

ปีนี้ผมจะไปเรียนปี2ที่ ม.พัน3รอ. ถ้าได้เก็บรูปมาจะมาลงให้นะครับ ตอนปี1เรียนที่ม.พัน4รอ. มีm-41กะ type85[คันtype85เนี่ยจอดอยู่คันเดี่ยวๆตรงหลังค่ายที่มีรั้วหนามกั้นที่ฝึกดูขลังๆยังไงไม่รู้]

^แก้เพิ่มรูป*

ตอนผมเรียน รด ผมได้เข้าค่ายฝึกภาคสนาม 2 ปีเลยคือปี 2 กับปี 3 ฝึกทีเขาอีโต้ เด็กตะวันออกไปเขาอีโต้หมด  ปีสองจำได้ว่าหนักมากลงรถมาถึงก็โดนเลย ที่สำคัญซวยด้วยที่ได้เข้าค่ายกับโรงเรียนเอกชนแห่งนึง คือไอ้พวกนี้มันดื้อเวลาสั่งอะไรมันไม่ค่อยทำ จัดแถวก็ไม่รู้จะคันอะไรกันนักหนาก็เลยโดนซะหนักเลย ตอนกลับแบบว่าชุดเน่าเลย ฮ่าๆ  แต่พอมาภาคสนามปี3รู้สึกว่าไม่ค่อยโหดเท่าไร สงสัยโดนตอนปีสองมาจนชิน  ถือเป็นความทรงจำดีๆได้ฝึกอะไรหลายๆอย่างโดยเฉพาะความอดทนกับและความรับผิดชอบในส่วนรวม ใครทำผิดกฎรับผิดชอบร่วมกัน 

ผม คอ ม. มารายงานตัวด้วยครับ...

จำได้เลยขับรอบกรม ตอนเรียนxxx  สนุกสนานกันเลยที่เดียว...

ผมเด็กโยธินฮะ เรียนมันแถวๆนั้นแหละ ฮาๆ

รด.ไม่มีโอกาสได้เรียนครับ......................เป็นเพียง ผกท.รุ่น 25

ทิศทางกำลังสำรอง.....ไม่มีความเห็นครับ

ทำไม เกาหลีเค้าสามารถ ให้ผู้ชายเค้าเป็นทหารประจำการ ได้ทุกคนหว่า

ขนาด วง 2PM ปีหน้าประกาศพักวงเนื่องจาก หนุ่มๆต้องไปรับใช้ชาติ

ต่างจากบ้านเรา  ดารา มีแต่เลี่ยงการเป็นทหาร.....น่าคิดหว่ะ...

ท่าน jaidee   ที่ว่ามาหมายถึงผมป่าว

ถ้าใช้...ก็ อธิบายเพิ่มเติม... เวลาเคลื่อนพลครูฝึก ทำหน้าที่เป็นพลขับให้.

ผมว่าอยู่ที่ค่านิยมการปลูกฝังมานานแล้วจะรุ่นสู่รุ่น

ว่าเป็นทหารแล้ว เหนื่อย ลำบาก โดนขู่ โหดบรรลัย

เกาหลีประเทศยังอยู่ในสงครามทุกคนต้องเป็นเพื่อชาติครับ

ดูสิงคโปรสิเขาปลูกฝังว่าเด็กๆเป็นทหารและเท่ห์ มีตัง สบาย

เขามีฝ่ายการตลาดที่เก่งนะครับๆหลายๆท่านคงเคยเห็นในVDO

ตราบใดที่กองทัพของเรายังไม่มีพวกฝ่ายการตลาดที่เน้นโฆษณา

เพื่อสร้างภาพพจน์ให้กับองค์กร และค่อยๆปลูกฝั่งค่านิยมเข้าไปใน

หลักสูตรการเรียนบ้าง ในหนังในละครบ้าง ในเพลงบ้าง

ทุกอย่างที่ผมพูดมีอยู่ในประเทศที่ชื่อว่าเกาหลีใต้ครับ

สิงคโปร์นี่ ผมว่าไม่เวิร์ก ในเรื่องความคิดที่ว่ามันสบาย เห็นตอนนั้นมีข่าวทหารให้คนใช้แบกของให้ตอนฝึกออกภาคสนาม เจอแล้ว

http://www.bbc.co.uk/news/world-asia-pacific-12973263

ผมว่าไอ้ความรักสบายไม่เอาถ่านของเด็กรุ่นใหม่มันไม่ใช่กับเฉพาะทหารหรอก แต่ทุกเรื่อง

ตอนผมฝึกก็เซ็ง แบบ เราฝึกนี่ก็เป๊ะเต็มที่ แต่รอบๆ นี่เหยาะแหยะ เด็ก เหยาะแหยะ เป็นครูใครจะอยากสอน เป็นผมเป็นครูก็เซ็งเหมือนกัน

เรียน...น้า Project14th   

หมายความว่าผมไม่ได้เรียน ร.ด.  

ส่วน ผกท.=ผู้กำกับนักศึกษาวิชาหทาร ก็มาจากครูอาจารย์จากของสถานศึกษาที่ส่งเข้าฝึกอบรมร่วมกับกองทัพบกเพื่อควบคุมดูแลช่วยอำนวยการหรือประสานงานกับกรมการรักษาดินแดน ให้การฝึกและเรียนของ นศท.เป็นไปด้วยดี.......ครับ

ส่วนคำถามที่ว่าเกี่ยวกับท่านหรือเปล่า....ผมไม่รู้จะบอกยังไง...สรุปไม่เกี่ยวกับท่านครับ (ในเจตนาของผม)

การฝึก ผกท.  เมื่อจบหลักสูตรแล้ว ก็ถึงจะไปทำหน้าที่ดังกล่าวในทุกๆครั้ง ที่ รด.เรียนภาคทฤษฎีและปฏิบัติ (ถ้า ผกท.ไม่ติดภารกิจอื่นๆของสถานศึกษา)

ที่จริงผมอยากให้ นศท เป็นหลักสูตรบังคับและมีความเข้มงวดที่ผู้ชายทุกคนต้องเรียนเลยละครับ เพราะรู้สึกว่าเด็กสมัยนี้เหยอะแหยะกันมากความอดทนทั้งงานหนักและก็แรงกดดันต่ำ ใช้ทำงานนิดหน่อยก็บ่นกระปอดกระแปดพอ เข้มงวดหน่อยก็หาว่าเรากดดันจู้จี้จะลาออกท่าเดียว(ไปขอเงินพ่อแม่มันใช้ต่อ)พูดแล้วปวดกบาลครับ

อ้อ... ขอโทษครับ ท่าน  jaidee