ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ไม่เพียงแต่ซื้อเรือดำน้ำ เรือฟรีเกต กับเครื่องบินรบทันสมัยจากรัสเซีย เวียดนามยังซื้อระบบป้องกันชายฝั่งทันสมัยและกำลังจะซื้ออีก นอกจากนั้นยังซื้อระบบขีปนาวุธ จรวดร่อนประสิทธิภาพสูงของรัสเซียเพื่อยิงทำลายเรือรบขนาดใหญ่ของข้าศึกอีก ด้วย รัสเซียส่งมอบอาวุธเหล่านี้แล้วจำนวนมากและยังจะส่งมอบต่อไปจนถึงปี 2557 รวมมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ สื่อกลาโหมในรัสเซียรายงานเรืองนี้โดยอ้างข้อมูลกลุ่มบริษัทผลิตและจำหน่าย ขีปนาวุธยุทธวิธี (Tactical Missiles Corporation) หรือ KTRV ภายใต้กระทรวงกลาโหม รัสเซียกำลังจะอัพเกรดจรวดนำวิถีจากอากาศสู่พื้นสำหรับทำลายเรือรบ แบบ Kh-29T ซึ่งเป็นรุ่นเก่า ให้มีประสิทธิภาพเท่ากับรุ่น Kh-29L และ Kh-29TE โดยติดตั้งระบบเลเซอร์นำวิถี รวมทั้งระบบต่อต้านเรดาร์กับการรบกวนคลื่นของฝ่ายข้าศึก รัสเซียกับเวียดนามได้เซ็นสัญญากันหลายฉบับเมื่อปีที่แล้ว เพื่อดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ จรวดนำวิถี Kh-29 (หรือ X-29 1หรือ GRAU 9M721 เป็นแบบอากาศสู่พื้น มีระยะปฏิบัติการ 10-30 กม. บรรจุหัวรบน้ำหนัก 320 กก. นำวิถีด้วยอินฟราเรดหรือเลเซอร์หรือเรดาร์ ติดตั้งในเครื่องบินรบ Su-24, Su-30, MiG-29K รวมทั้งใน Su-25 ในปี 2553 กลุ่มผลิตขีปนาวุธยุทธวิธีได้เซ็นความตกลงกับเวียดนาม เพื่อจัดหาอุปกรณ์กับชิ้นส่วนที่สำคัญในการอัพเกรดจรวด Kh-29T Kh-29L กับ Kh-29TR รวมมูลค่า 570,000 ดอลลาร์ กลุ่มนาโต้เทียบประสิทธิภาพจรวดรุ่นนี้เท่ากับจรวด AGM-65 "เมเวอริค" (Maverick) ที่ประจำการในกองทัพสหรัฐฯ แต่ Kh-29 มีหัวรบใหญ่กว่า ออกแบบมาเพื่อยิงทำลายลานบิน รันเวย์ สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ รวมทั้งบังเกอร์และโรงเก็บเครื่องบินข้าศึก จึงสามารถทำลายเรือรบขนาด 5,000 ตันได้ การซื้อจรวดลอตใหญ่ทำให้รัสเซียกับเวียดนามเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด กันมากยิ่งขึ้น และรัสเซียตกลงช่วยเวียดนามผลิตจรวดนำวิถีรุ่นอูราน-อี (Uran-E) หรือ EV Kh-35E ซึ่งเป็นอาวุธนำวิถีประสิทธิภาพสูงมากสำหรับยิงทำลายเรือรบขนาดใหญ่ข้าศึก เว็บไซต์แห่งเดียวกันกล่าว ตามรายงานของกลุ่มขีปนาวุธยุทธวิธี ปีที่แล้วได้มีการเซ็นความตกลงร่วมมือกับเวียดนามถึง 6 ฉบับ ซึ่งใช้รหัสเรียกเป็น เวียดนาม 7-9, เวียดนาม-10, เวียดนาม-11, และ เวียดนาม 12-15 ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เกี่ยวกับการซื้อขายและความร่วมมือด้านขีปนาวุธกับจรวดนำ วิถี . |
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
ก่อนหน้านั้นในปี 2552 เวียดนามได้ซื้อระบบจรวดเพื่อการฝึกซ้อมแบบ 3M-24EMB จากรัสเซียรวมมูลค่า 2.359 ล้านดอลลาร์ และได้รับมอบทั้งหมดแล้ว ก่อนที่เวียดนามจะเซ็นซื้อจรวดนำวิถี 3M-24E รวมมูลค่า 23.4 ล้านดอลลาร์ จรวด 3M24 เป็นอูราน-อี (Kh-35E) รุ่นที่รัสเซียผลิตเพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าระดับพันธมิตรยุทธศาสตร์ เป็นจรวดร่อนความเร็วต่ำกว่าเสียงขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแข็งผนวกกับระบบ เทอร์โบเจ็ทปฏิบัติการ130 กม. ติดระบบนำทางที่แม่นยำ มีระบบต้านเรดาร์และต้านระบบต่อสู้ขีปนาวุธของข้าศึก กลุ่มนาโต้เรียกจรวดรัสเซียรุ่นนี้ว่า SS-N-25 และเทียบคุณภาพเท่ากับจรวดฮาร์พูน (Harpoon) ที่ใช้ในกองทัพสหรัฐฯ เมื่อติดตั้งบนเรือ จรวด Kh-35E จะบรรจุในท่อยิงชุดละ 8 ท่อ ปิดผนึกมิดชิดและติดตั้งครั้งละ 2 ชุด รวม 16 ลูก สำนักข่าวโนวอสติได้สัมภาษณ์นายบอริส โอโบโนซอฟ (Boris Obonosov) ผู้บริหารกลุ่ม KTRV ในเดือน ม.ค.ปีนี้ ซึ่งได้เปิดเผยว่าระหว่างปี 2552-2553 กลุ่มนี้ได้ส่งมอบจรวดร่อน Kh-35E ให้เวียดนามรวม 33 ลูก ในปี 2554 รัสเซียได้เริ่มส่งมอบจรวดนำวิถี Kh-31Aให้เวียดนามอีกแต่ยังไม่ครบ จรวดรุ่นนี้ออกแบบเพื่อติดตั้งในเครื่องบินรบ Su-30MK2 โดยเฉพาะ เวียดนามได้ซื้อครั้งแรกเป็นมูลค่า 49.65 ล้านดอลลาร์ จากนั้นได้เซ็นซื้ออีกเป็นเงินกว่า 108 ล้านดอลลาร์ เพื่อส่งมอบในปี 2557 จรวด Kh-31A มีความเร็วระดับซูเปอร์โซนิค ระยะยิงทำลายเรือรบข้าศึก ปฏิบัติการได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และในทุกสภาพภูมิอากาศ มีความสามารถสูงในการหลบเลี่ยงเรดาร์ข้าศึก รวมทั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธของข้าศึกเช่นเดียวกับ Kh-35E เวียดนามยังมีแผนการจัดซื้ออีกเป็นมูลค่า 98 ล้านดอลลาร์ในระหว่างปี 2556-2557 เว็บไซต์แห่งเดียวกันกล่าว . |
||||
รายงานยังระบุอีกว่าในปี 2554 รัสเซียยังได้ส่งมอบระเบิด KAB ให้กับเวียดนาม โดยไม่ได้เปิดเผยจำนวน แต่รวมมูลค่าซื้อขาย 11.174 ล้านดอลลาร์ ปีเดียวกันยังได้มอบอุปกรณ์ทหารกับทั้งชุดการฝึกให้กับฝ่ายเวียดนามด้วย รวมมูลค่าอีก 89.17 ล้านดอลลาร์ ปี 2552 เวียดนามเซ็นซื้อเรือดำน้ำโจมตีชั้นคิโล (Kilo-class) จากรัสเซียจำนวน 6 ลำ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ยังไม่รวมค่าก่อสร้างอู่จอดกับโรงซ่อม ตลอดระบบอาวุธที่ติดตั้ง ปลายปีเดียวกันต่อกับปี 2553 เวียดนามเซ็นซื้อเครื่องบินรบ Su-30MK2 ลอตที่ 2 และ 3 โดยที่ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริงและไม่ทราบราคา เว็บไซต์ข่าวกลาโหมได้รายงานอ้างการเปิดเผยของผู้บริหารบริษัทซูคอย ที่ระบุว่าเวียดนามมีแผนจัดซื้อทั้งหมด 44 ลำ เพื่อให้ครบจำนวน " 3 ฝูง ++" และเ ท่าที่มีรายงานผ่านสื่อนั้น ปีที่แล้วรัสเซียส่งมอบ Su-30 ให้เวียดนาม 2 ครั้งในเดือน ก.ค.และ ธ.ค. รวมจำนวน 8 ลำ แต่ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่า ที่ผ่านมาได้รับไปทั้งหมดกี่ลำ เช่นเดียวกับการส่งมอบ การอัพเกรดและซื้อเพิ่มเติมขีปนาวุธกับระบบอาวุธยิงทำลายเรือรบ ตลอดจนโครงการผลิตจรวดร่อนนำวิถีประสิทธิภาพสูง ทั้งหมดนี้ก็ไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อนเช่นกัน. |
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000040873
ทำไมเราไม่ซื้อเรือดำน้ำครับวิสัยทรรศน์คับแคบมากจริงๆคนเราทัพเรือเราควรจะเกรียงไกรสุดในภูมิภาคนะความจริง
บอกคำเดียวว่าน่ากลัว
คงเป็นผลกระทบอาการข้างเคียง จากการที่ จีน มีเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการ ที่มี บ.J-15 (Su-30) ประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน
ซึ่งหมายถึงว่า จีน จะมีศักยภาพครองอากาศได้ทั้งทางบก และ น่านฟ้าทางทะเล ครอบคลุมในเอเชียตะวันออก
การจะกระทบ กระทั่ง กับ จีน ในเรื่องการที่ จีน ส่งเรือสำรวจทางทะเลในหมู่เกาะต่าง ๆ หรือ ในน่านน้ำที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ คงต้องคิดหนักมากขึ้น
ลำดับต่อไปของ เวียดนาม คือ
การจัดหา เรือรบผิวน้ำ ป้องกันภัยทางอากาศ หลังจากนี้ต่อไป....
ขอบอกเลยว่า ทำไมคุณถึงจัดหนักมาก
เวียดนามเขาจะโหดไปแล้ว
รบกันจริงๆจีนไม่มีทางเอาเรือแล่น...โตงๆๆเข้าน่านน้ำเวียดนามหรอกครับ
ทางบก+ทางอากาศเขาแหล่มกว่าทางน้ำมาก
เพราะงี้เขาถึงดีกับ ลาว+พม่า และดีกับไทยอีก
คิดว่าในกรณีนี้แหละใช่ประโยชน์ระยะยาว
คงเล่นทางอื่นก่อนแล้วจบทางน้ำ
อืมลืมเรื่องเรือดำน้ำอีกที่หลายๆโหลเลยครับ
ความต้องการแหล่งพลังงานน้ำมันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติรอบๆหมู่เกาะสแปรตลี่ย์นี่ท่าทางจะต้องการสูงจัดมาก ถึงขนาดที่ว่ายอมใช้จ่ายเงินมหาศาลที่จะเอาไปพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น กลับต้องมาจัดหาระบบอาวุธเกินตัวไป เพราะการขยับตัวของจีนเจ้าเดียว
บ่อนี้สำหรับจีน กว่า 10000 ล้านบาร์เรล 4-5 เท่าของบ่อเจ้าปัญหาไทย-เขมร สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้เป็นมังกรติดจรวด เวียตนามที่เสียค่าโง่เรื่องบ่อน้ำมันในเขตแดนของตน(ผู้บริหารประเทศรุ่นนั้นแย่จริงๆ) มาตอนนี้เงินเฟ้อคุมไม่ได้มาเป็นเวลานานเนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ต้องนำเข้า ก็เลยต้องการน้ำมันเพื่อแก้ปัญหา ดูจากการที่เวียตนามทุ่มเทถึงขนาดนี้ เบ่งเพื่อสู้จีนขนาดนี้ แสดงว่าสภาพเงินและปัญหาจากเรื่องพลังงานรุนแรงทีเดียว
มาเลย์ ดูเดือดร้อนน้อนที่สุด ฟิลิปปินส์ต้องการน้ำมันก็เพื่อต้องการลืมตาอ้าปากกะเขาได้ซะที
ถ้าเวียตนามต้องจัดหาระบบอาวุธมากมายเกินตัวขนาดนี้ต่อไป ผมว่าระยะยาวจะส่งผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมากเลย เพราะน้ำมันยิ่งเป็นปัญหารุนแรงกับตนเองอยู่ เครื่องบินรบที่ใช้ก็รุ่นซดน้ำมัน เรือรบก็ซดน้ำมัน ดูไม่จืดเลย ......... ภาคการส่งออกสะดุดเมื่อไร ระบบเศรษฐกิจทั้งหมดพังคลืนแน่ๆครับ
ใครจะตีกับใคร ขอให้ไทยปลอดภัยก็พอ แต่เพื่อนบ้านข้างๆทางตะวันออกนี่จะเอาไงกับเขาดี