หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ใครเสียดายบ.ข.20ไม่ใช่SU-30 MKบ้างมาลงชื่อแสดงความคิดเห็นหน่อย

โดยคุณ : I see u เมื่อวันที่ : 30/03/2012 00:24:42

กระทู้นี้สำหรับคนที่เสียดายจริงๆ แม้เวลาจะผ่านมาเนินนาน ใจจริงผมอยากให้ไทยมี

SU-30ทั้งกองบิน7และกองบิน2รวมกัน36ลำ ราคามันก็ถูกกว่าคู่แข่ง ที่แน่ๆถูกกว่าJAS-39 Gripen

SU-30ราคาเครื่องละUS$33–45 million(อ้างอิงen.wikipedia.org)

เสียแค่ค่าซ่อมบำรุงมันสูงก็เท่านั้นเอง

 

เสียดายตรงอาวุธAir to AirของมันนิแหละR-77ที่ยิงได้ไกลมาก เป็นขอดีสุดๆอย่างหนึ่ง

แถมบินได้ไกลไม่ต้องอุ่มลูกตลอดเวลา(ถังน้ำมัน)

 

ทุกวันนี้เพียงแค่เก็บความเสียดายไว้ในใจว่าเป็นSU-30 MKเท่านั้น

ส่วนใครเสียดายเหมือนผมบ้างช่วยพิมพ์บอกด้วยนะ





ความคิดเห็นที่ 1


ผมว่าค่าน้ำมากถูกแต่บินได้บ่อย

 

ดีกว่าน้ำมันแพงแต่นานๆ ได้บินทีนะครับ

โดยคุณ hoyflute เมื่อวันที่ 25/03/2012 19:45:34


ความคิดเห็นที่ 2


ถ้าเราไม่มีเงินในการซ่อมบำรุงแล้วไม่ซื้อผมไม่เสียดายครับ เข้าใจฐานะการเงินบ้านเราครับ 

แต่ถ้าเรามีเงินแล้วไม่ซื้อ ผมโคตรเสียเลย แต่ใจผมเครื่องแบบ 2 เครื่องยนต์ ผมอยากได้ Rafael หรือไม่ก็ F-18 ครับ ถึงจะไม่ชอบฝรั่งเศสก็เถอะ 

โดยคุณ spooky เมื่อวันที่ 25/03/2012 19:50:21


ความคิดเห็นที่ 3


ดูมาเลเป็นตัวอย่างคับแค่ไม่ถึง30เครื่องก็ปวดหัวแล้ว ฝูงบินหลักเที่สมถณะสูงราคือฝูงที่ประจำการด้วยF16 ADFคับรอดูดีกว่าว่าจะหาเครื่องแบบในเข้าประจำการแทน

โดยคุณ skudetto เมื่อวันที่ 25/03/2012 20:28:02


ความคิดเห็นที่ 4


เสียดายเหมือนกันครับ อยากให้บ้านเรามีเครื่องบินขับไล่ครองอากาศบ้าง ให้มันพอฟัดพอเหวี่ยงกับเพื่อนบ้านไม่ใช่เสียเปรียบเขา ในความคิดผมนะ อยากให้กองบิน1มีSu-30 MKสักฝูง2ฝูง แล้วโอนF-16 A/B ไปกองบิน21 ADFไปกองบิน23ไม่ก้41 ส่วนกองบิน7 กริพเพนสัก18-24ลำ ส่วนกองบิน4 F-16 MLU ครบทั้งฝูงไปเลย เป็นความคิดส่วนตัวผมนะเอิีกๆๆๆ

โดยคุณ thelampam101 เมื่อวันที่ 25/03/2012 20:54:10


ความคิดเห็นที่ 5


    ถูกใจให้กีบครับท่าน I see u  ตอนรู้ว่าแพ้....กร่อย     เพราะผมกองเชียร์น้อง SU ตัวจริงเสียงจริงรักมั่นรักแท้   อตนนั้นตกลงเรื่องน้ำมันกะเแมร์มันได้   ก็จ่ายไหวล่ะค่าน้ำมัน ชิว ชิว.....   บรรทุก 8 ตันรัศมี 1500 กิโล   กรุงเทพกัวลาลัมเปอร์สบายๆ   กรุงเทพฮานอย ชิวๆๆ  ไปกลับนครสรรค์เนปิดอร์ 2 รอบไม่ต้องเติมน้ำมันเผื่อ.....โมโดยอิสราเอล  ใช้ได้ทั้งมาเวอร์ริค  PGM  ป็อปอาย....โดยเฉพาะป๊อปอายนี่โดนมากกกกก     แถมบรามอสอีกลูกเบ้งๆอีก 1-3 ลูก(จะเอา3นี่ต้องโมฮาร์ดพ๊อยต์ก่อนล่ะ)   

    แต่ถ้าจ่ายไหว F-15S  ก็เข้าท่าครับ   ไม่ต้องโม ......

แบบนี้เพื่อนบ้านเกรงใจขึ้นเยอะ   สกัดกั้นนี่ให้ F-16 F-5 ไปล้วนๆ   strike fighter  ต้อง SU-30 เลยครับท่านจัดหนัก


โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 25/03/2012 21:04:46


ความคิดเห็นที่ 6


เห็น JAS-39 ครั้งแรกในหนังสือสมรภูมิครับ ตอนนั้นกำลังมีโครงการจัดหา บ.ขับไล่ ของ ทอ. พอดี

เห็นตอนแรกก็รู้ว่า ใช่เลย 555+

เครื่องบินไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพดีเท่านั้น แต่ต้องดูความพร้อมของกองทัพอากาศเรา อย่าง F-16 ประเทศอื่น ชั่วโมงบินนักบินเค้าอยู่ที่ 200 ชม. ต่อปี

แต่นักบิน F-16 ไทยได้แค่ 180 ชม. จะซื้อเครื่องบินมันต้องมองไกล ๆ ครับ

SU-30 ยอมรับว่าดีจริง ดีมากด้วย แต่ค่าซ่อมบำรุงนี้แพงบรรลัย ไหนจะค่าน้ำมันที่แพงกว่า F-16 สองเท่าตัว

พูดง่าย ๆ ก็คือ บิน SU-30 สองชั่วโมง เท่ากับบิน F-16 ชั่วโมงเดียว ซึ่งมันมีผลต่อความพร้อมรบ

ไหนจะเครื่องยนต์ของ SU ที่ชั่วโมงใช้งานต่ำกว่าเครื่องยนต์ของอเมริกา ซึ่งก็คือค่าใช้จ่ายของ ทอ. ที่ต้องเพิ่มอีกเท่าตัว

ส่วนตัวตอนนั้นก็แอบเชียร์ F-16 C/D อยู่ด้วย เพราะว่าอย่างน้อยมันก็ใหญ่กว่า JAS-39

แต่เมื่อมองผลตอบแทนที่สวีเดนให้เรา ผมว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ โดยเฉพาะ AWAC สองลำที่ได้มา

โดยคุณ Skywalker เมื่อวันที่ 25/03/2012 21:17:57


ความคิดเห็นที่ 7


พิมพ์ผิดครับ ต้องบอกว่า บิน SU-30 ชั่วโมงเดียว ได้เท่ากับบิน F-16 สองชั่วโมง ^^

โดยคุณ Skywalker เมื่อวันที่ 25/03/2012 21:19:18


ความคิดเห็นที่ 8


ตอนแรกผมก็เชียร์F-16C/Dนะครับ   ส่วนSU-30นั้น ราคาก็ถูกจริงอะไรจริงนะครับ แต่พอผมศึกษาไปมา  อายุการใช้งานของมันน้อยกว่าของยุโรปกับอเมริกา ต่างกันมาก แถมเป็น2เครื่องยนต์ ยังไงก็ซดน้ำมันเยอะได้เรื่องเหมือนกัน เมื่อแทบกับพวก1เครื่องยนต์มันจะต่างกันเยอะ อีกอย่างระบบอาวุธของกองทัพอากาศก็มีแต่ของยุโรปกับเมริกา กันแทบจะทุกอย่าง    และพอเขาตัดสินใจไปเลือกJAS-39ก็ได้รู้ว่า   เราได้อะไรตอบแทนมามาก มากกว่าพี่กันตอนที่เราซื้อF-16ด้วยซ้ำและถ้าเราอยากให้กองทัพอากาศมีเครื่องบินขับไล่ที่ครองอากาศได้นาน นั้น ผมแนะนำให้มีเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และมีประโยนช์อะไรอีกมากมาย

โดยคุณ kok129 เมื่อวันที่ 25/03/2012 22:58:31


ความคิดเห็นที่ 9


ผมไม่เสียดายครับ 5555

 

 

โดยคุณ min_linkin เมื่อวันที่ 25/03/2012 23:06:31


ความคิดเห็นที่ 10


ราคามันถูกกว่ากันเกือบครึ่ง ถึงอายุการไช้งานจะต่างกัน 2 เท่า แต่ +-*/ แล้ว ถ้าจะไช้ 40 ปีเท่ากัน คือซื้อ 2 ชุด

ราคาจะแพงกว่านิดหน่อย แต่ประสิทธิภาพต่างกันมาก ถ้าคนจะมองระยะยาว สรุปแล้วคือ แพงเกือบเท่ากัน

แต่เราได้ของที่ดีกว่ามาไช้ และยังได้ศึกษา เทคโนโลยีของอีกค่ายด้วย

โดยคุณ fulcrum37 เมื่อวันที่ 25/03/2012 23:27:03


ความคิดเห็นที่ 11


แถมถ้าดีลนั้นผ่าน ข้าว+ไก่จะสามารถนำไปเทรดได้ ราคาก็คงจะลดลงอีก จาก 45 เหลือ 30[1/3แบบที่โซเวียตทำกับที่อื่น]

เราจะได้ไช้เงินสดน้อยลงมากๆ แถม เรายังได้ MOU ส่งอาหาร+ข้าวไห้อีก ก็อย่างว่าแหละ เครื่อง JAS ฟูลออพชั่น+ฐานเรด้า 81ล้าน

แต่ SU-30 เครื่องป่าว 30 ล้าน[เงินสด] อาจไม่จำเป็นต้องไช้อีรี่อาย เพราะสายตายาวแล้วก็คุยกันรู้เรื่อง อยุแล้ว ไห้อิสราเอล ช่วยโมนิดๆหน่อยๆ แล้วก็เอาไพท่อน 5 มา

ราคาน่าจะแถวๆ 40 ล้าน ผมดูยังไงๆ ก็ถูกกว่า ส่วนเงินส่วนต่างก็เอาไปไช้เป็นค่าซ่อมบำรุง อินเดียก็มี จีกก็กำลังทำ เวียดนามมาเลก็ กำลังวางโปรเจค

เรื่องอะหลั่ยก็ไม่น่ากลัว แล้วอีก 20 ปีค่อยว่ากันอีกรอบ ถ้ามีเงิน ก็ซื้อใหม่ ไม่มีก็ยกเครื่องใหม่ คงจะไม่แพงกว่า MLU เราที่ 30ล้าน$ หรอก

ก็อย่างว่า ถ้ามองมุมกว้าง ของถูกกว่า เอาเงินส่วนต่างมาเป็นค่าซ่อมบำรุง ได้ราคาพอกัน แต่ที่สำคัญ ประสิทธิภาพมันดีกว่ากัน เยอะ

โดยคุณ fulcrum37 เมื่อวันที่ 25/03/2012 23:35:19


ความคิดเห็นที่ 12


เรื่องนี้คงแทงใจท่าน กบ ตั้งแต่ชวด F-18c/d แล้วใด้ ADF มาแทน  ท่าน กบ เค้าก็หวัง SU-30นี่ล่ะครับ ลุ้นมาตลอด

และก็จริงอย่างที่ท่าน Skywalker บอกใว้ที่มีข่าวออกมาเรื่องนักบินF-16ของเรา ที่แค่เพียงรักษาสถานะของนักบินรบใว้ ใน ช.มบินต่อปีที่ต่ำสุด

ด้วยเทคนิคของนักบินและอาวุธที่สามารถเลือกใช้ใด้ทั้งยุโรปและสหรัฐของ JAS-39 ในขณะนี้ก็ไม่ด้อยไปกว่า บ.รบแบบอื่นๆ

สุดท้าย ผมคิดว่ากองทัพอากาศตัดสินใจใด้ถูกต้องที่สุด ที่เลือก JAS-39 ที่มาประจำการกองทัพอากาศไทย



โดยคุณ fantom เมื่อวันที่ 26/03/2012 00:29:09


ความคิดเห็นที่ 13


ตอนมาเลย์ซื้อ ซู 30 mkm ไป ลำละ 50 ล้านเหรียญ http://bit.ly/i4Do9d 

เวียดนามปี 2010 ซื้อ su-30 mk2 ลำละ 62.5 ล้านเหรียญ http://bit.ly/9hUsl

ยูกานดาซื้อเครื่อง mk2 ไป 6-8 ลำ บวกอาวุธอื่นๆ อะไรมั่งไม่รู้ (มันลับๆ ล่อๆ ตอนแรกมันยังไม่ยอมรับเลยว่าซื้อซู แต่ทางบริษัทรัสเซีย เอือกมาออกข่าวให้ซะงั้น) 744 ล้านเหรียญ http://bit.ly/GQeOZD หากถัวเฉลี่ยเอา (ซึงคงไม่ดี)ก็จะประมาณ 100 ล้าน 

อินโด ปี 2003 ซื้อผสมระหว่าง su -27sk กับ su-30 mkk อย่างละสองลำ 192 ล้านเหรียญ เฉลี่ย 48 ล้านเหรียญ ซื้ออีกทีปี 2007 เสป็กเดิม แต่เปลี่ยนเป็นรุ่นละ 3 ลำ ดีลมูลค่า 355  ล้านหรียญ เฉลี่ย 59.2 ล้านเหรียญ

ดังนั้นคงหาซื้อราคา 30-45 ล้านลำบากล่ะครับเดี๋ยวนี้ นอกจากจะซื้อเป็นร้อยๆ ลำแบบอินเดีย

 

เรื่องราคากริพเพนของเรานี่แตกลงมายากมาก เพราะเเพ็คเกจใหญ่บะเร่อเท่อ ถ้าอ้างอิงจากวิกิก็ลำละ 40-60 ล้านเหรียญ ของเราซื้อเครืองบินเพิ่มมา 3 ลำเป็น 340 b ธรรมด๊าธรรมดาหนึ่งลำ เป็น erieye 2 ลำ ทีนี้มาเปรียบเทียบ uae ซื้อ 340b erieye ไปสองลำ ราคา 220 ล้านเหรียญเหรียญ http://bit.ly/GShJ3T

หากตีราคาของไทย ทั้งแพ็คเกจราคา 3.4 หมื่นล้านบาทหรือ 1.107.5 ล้านเหรียญ ตัดราคาเครื่อง 340 ไป 220 ล้านเหรียญ และ 340 เครื่องเปล่าไปประมาณ 15 ล้านเหรียญ (เปรียบเทียบจากเครื่องเทอร์โบพร็อพทั้งหลายที่มีขนาดใกล้เคียงกัน) ก็จะเหลือ 875 ล้านเหรียญ เฉลี่ยลำละ 73 ล้านเหรียญ 

อื่นๆ ผมไม่รู้รายละเอียดพวกสถานีเรดาร์ หรืออาวุธบางตัวรวมบางตัวต้องซื้อต่างหาก 

เรื่อง aew นี่ผมว่าแหล่มมากๆ เพราะมันไม่ใช่แค่เรดาร์ใหญ่ขี้นแต่ทำให้กริพเพนสามารถปิดเรดาร์ได้ นอกจากนี้การที่กริพเพนที่ออกปฎิบัติการณ์ด้วยกัน สามารถแชร์เรดาร์ได้นั้น ก็ทำให้เสมือนว่าแต่ละลำเรดาร์ใหญ่กว่าเดิม และไอ้เจ้าตัว aew นี่ก็ทำให้สามารถพัฒนาลิงค์กับ ทร. ได้อีก ซอร์สโค้ดเราก็ได้ (หวั่นอย่างเดียวว่าเราจะใช้ไม่เต็มศักยภาพ)

กริพเพนค่าบำรุงถูกจนหลายประเทศก็เริ่มเหล่ๆ กันมา เผลอๆ คงซื้อไปแล้วด้วยมั้งถ้าไม่โดนแรงกดดันต่างๆ เล่นซะก่อน

 

cost flight per hour ของกริพเพนเท่ากับ 3000 เหรียญ (90,000 บาท) มีอายุโครงสร้างที่ 8,000 ชม. โดยไม่ต้องมีซ่อมใหญ่แบบ f-16 http://bit.ly/GPzbCN

ของซู ผมเห็นคนเขียนว่า 12,000 เหรียญ (360,000 บาท) โดยอ้างอิงข้อมูลเอกสารกองทัพอากาศไทยแต่ลิ้งค์มันบ๊งไปแล้ว ซึ่งก็มีเหตุมีผลอยู่ เพราะโครงสร้างไม่น่าจะเกิน 4,000 ชม. นอกจากนี้ทุก 300 ชม. ต้องซ้อมใหญ่ไอ้ปลายไอพ่น(รุ่น thrust vectoring) ทุก 1000 ชม. ซ่อมใหญ่เครื่อง และทุก 3000 ชม. เปลี่ยนเครื่อง (อย่าคิดว่าเวอร์ เพราะค่าบินต่อ ชม. typhoon ก็ตั้ง 14,000 เหรียญ f-15 ก็ตั้ง 17,000 หรียญเลยนะนั่น [4.3 แสนบาทและ 5.2 แสนบาทตามลำดับ])

 

สมมุติว่าทอ.เราบินปีละ 200 ชั่วโมง ค่าบินกริพเพนปีหนึ่งๆ ก็จะเท่ากับปีละ 600,000 เหรียญ ส่วนซูจะเท่ากับ 2,400,000 ดังนั้นกริพเพนประหยัดค่าบินได้ปีละ 1,800,000 ล้านเหรียญ

หากบินไป 24 ปีก็เท่ากับกริพเพนประหยัดได้ 43 ล้านเหรียญ หากว่าซู-30 ราคาลำละ 30 ล้านเหรียญต่อกริพเพนที่ลำละ 73 ล้านเหรียญ ดังนั้นกริพเพนจะคืนทุนภายใน 24 ปี

หากใช้กริพเพนไปอีกจนครบ 40 ปีเต็มอายุการใช้งานแล้ว เราก็จะประหยัดเงินไป 72 ล้านเหรียญ ถอยกริพเพนได้อีกรอบ (ไม่รู้ว่าคราวนี้จะ NG หรือเปล่าเอ่ย)

ทีนี้เรายังไม่ได้นับว่ากว่ากริพเพนจะใช้จนหมดอายุโครงสร้าง 40 ปี ป่านนั้น ซู ก็ต้องซื้อใหม่(หรือไม่ก็ overhaul แบบ mlu)ไปแล้วรอบนึงจนเจ๊งอีกรอบพอดี

ดังนั้นหากเราใช้กริพเพนเป็นเวลา 40 ปี เต็มอายุการใช้งานกริพเพนหมดจะไปทั้งสิ้น 73 (ค่าถอยเครื่อง) +24 (ค่า cost flight per hour) = 97 ล้านเหรียญ

ส่วนซูนั้น 40 ปีจะหมดไปเท่ากับ 30 (สมมุติว่าซื้อซูที่ราคา 30 ล้านเหรียญ) x2 (ลำละ 20 ปี) + 96 (cost flight per hour) = 156 ล้านเหรียญ

 

สรุปว่าการใช้กริพเพน 40 ปีจะประหยัดงบประมาณได้ 59 ล้านเหรียญ (1.8 พันล้าน) เมื่อเทียบกับซู

ทีนี้ก็อยู่ที่รสนิยมของเราแล้วละครับว่าด้วยงบประมาณที่เท่ากัน เราจะสามารถเลือกได้สองทางคือจะเอาเครื่องน้อยๆ แต่ใหญ่ๆ หรือว่าเอาเครื่องเยอะๆ แถมเอแว็ก มีลงทุนออฟเซ็ท ได้ซอร์สโค้ด ก็ต้องเลือกเอา

ทีนี้เรามาดูประเทศต้นตำร้บซูดีกว่า ชม. บิน เฉลี่ยนนักบินซูและมิกรัสเซีย เท่ากับ 100 ชม. ต่อคนต่อปี http://bit.ly/H2r9cS (ช็อคซีเนม่า)

แถมหน่อย r-77 ไม่ได้ไกลกว่า amraam D

 

สรุป ผมไม่เสียดายครับ เพราะการเลือกทางนี้ดูเหมือนจะมีความเสี่ยงต่ำว่านะครับ แถมได้เปิดโลกกว่างแห่ง net centric warfare กริพเพนก็ด้อยเฉพาะในด้านขนาดแหละ ความคล่องตัวนี่ก็เถียงกันไปกันมาไม่รู้จบ ความเร็วกริพเพนเทียบเท่ากับซูรุ่นที่ไม่มีคานาร์ด แต่เร็วกว่ารุ่นที่มีคานาร์ด นอกจากนี้สวีเดนก็โอ๋เราจะตายเพราะเขาอยากได้ลูกค้าจนตัวสั่น

ซูมันก็เท่และเจ๋งของมันอยู่ แต่น้องหยาดก็เท่เหมียนกัลล์นะจ๊ะ (จะโดนด่าภาษาวิบัติมั๊ยเนี่ย) แต่เราคงเอาความสวยงามของเครื่องมาเป็นตัวตั้งคงไม่ได้ เพราะบางคนก็อยากได้ a-6 มั่งล่ะ หรือพวก f-14 f-4 เผลอๆ มีคนอยากได้สปิตไฟร์หลุดมาให้ตกใจอีก (ผมก็ชอบสปิตไฟร์เหมือนกัน)

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 26/03/2012 08:09:15


ความคิดเห็นที่ 14


ทีนี้เรื่องข้าวกับไก่ ไม่เรื่องการเมืองนะครับ มาทางหลักการ

ผมว่าเอาจริงๆ มันไม่ดีหรอกครับ เพราะแปลว่ารัฐบาลจะต้องซื้อของจากเอกชนมาสต็อกเพื่อขายอีกที ดังนั้นวิธีเดียวที่เราจะได้เปรียบในการดีลแบบนี้คือเวลาผลผลิตทางเกษตรราคาตกซึ่งมันจะมีผลไม่ดีที่ใหญ่หลวงกว่าประโยชน์ที่เราจะได้รับ หากราคาผลผลิตราคาสูง รัฐบาลก็ต้องขาดทุนในการหาซื้อข้าวมาสต็อกเพื่อขายแลกบ.

ความจริงโมเดลนี้มันมาคู่กับการจำนำผลผลิตทางการเกษตร เพราะเมื่อเรารับจำนำแล้วมันก็ต้องหาทางระบายออกอีก เวลาข้าวราคาตก หากรัฐจะขายตามระคาตลาดโลกก็จะขาดทุนการทำบาร์เตอร์เทรดก็เลยมาเป็นทางเลือกหนึ่งในการระบายข้าวออกสต็อก ดังนั้นผมว่าไม่ควรเอาไปผูกกัน นอกจากว่าข้าวล้นตลาดอย่างมหาศาลจนต้องเอาไปทิ้ง

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 26/03/2012 08:30:36


ความคิดเห็นที่ 15


ผมก็เสียดายครับ จริงอยู่นะ ค่าบำรุงรักษาแพง ซดน้ำมัน 2เท่า แต่ประสิทธิภาพห่างกันหลายเท่านะ ถ้าได้มาก็ไม่ต้องมี อีรีอายส์ มันครบเครื่องอยู่ในตัวมัน

ตัวต่อตัว ไม่มีตัวช่วย น้องหยาดเราจะเอาอยู่หรา F-15 ตอนซ้อมรบกับซูของอินเดียF-15ยังแพ้ยับเยิน ถึงตอนนั้นความประหยัดมันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย

ผมว่าน้องหยาดเนี้ยเหมาะกับประเทศที่ความขัดแย้ง รอบๆบ้านต่ำ เช่นเนเธอร์แลนด์ ที่เพิ่งเลือกน้องหยาดไป คือมีเครื่องบินเทพๆไว้ก็ไม่รู้เอาไรบกะไคร

หวยก็เลยมาออกที่น้องหยาด ซึ่งผมคิดว่าเค้าเลือกได้เหมาะสมแล้ว  แต่ของเรามันไม่ไช่นะรอบๆบ้านเรามีโอกาสขัดแย้งได้ตลอดเวลา

โดยคุณ YUKIKAZE เมื่อวันที่ 26/03/2012 09:16:37


ความคิดเห็นที่ 16


ต้องยอมรับก่อนว่าJas-39นั้นเป็นของดี แต่ตอนซื้อรัฐบาลไม่ได้บอกว่าราคาเครื่อง

ตกเครื่องละเท่าไหร่ บอกแต่ราคารวมทั้งหมดเท่าไหร่

มันเลยคำนวนความคุ้มค่าทางด้านการเงินลำบากครับ

 

แต่คิดๆดูสิ่งที่ไม่ได้ข่าวเลยคือจรวดMeteor ไม้ตายของGripen

ไม่รู้ความคืบหน้าเป็นยังไง ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยจะขอบใจมากครับ

โดยคุณ I see u เมื่อวันที่ 26/03/2012 10:39:13


ความคิดเห็นที่ 17


ณ ตอนนั้นผมคิดว่า บ.ข.20 น่าจะเป็นบ.2 เครื่องยนต์ แต่หวยมาออกที่๋ JAS-39 ทำเอาประหลาดใจเล็กน้อย

ใจผมก็ชอบ SU-30 มากนะแต่ถ้าจะให้มาเป็นบ.ข.20 ไม่ไหว ผมมองไปทางบ.ตะวันตกมากกว่า 

F-18 คือว่าที่บ.ข.20ในใจผม แต่ไม่รู็เป็นไรเชียร์เจ้าไหนแห้วหมด

ตอนจัดหายานเกราะล้อยาง เชียร์ BTR80 หวยออกที่ BRT3E1

ตอนจัดหาถ.หลัก เชียร์ K1A1 หวยออกที่ T84

กรรมของตู

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 26/03/2012 10:59:49


ความคิดเห็นที่ 18


Meteor ยังพัฒนาไม่เสร็จเลยครับ กว่าจะพร้อมประจำการก็น่าจะประมาณปี 2013-2015 ครับผม

โดยคุณ shifty เมื่อวันที่ 26/03/2012 11:50:30


ความคิดเห็นที่ 19


ประเด็นของอีรีอาย์คือ ไม่ใช่แค่เรดาร์รัศมีใหญ่

แต่ทำให้เครื่องกริพเพนสามารถปิดเรดาร์เข้าไปสอยโดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว (รู้ตัวก็สาย)ได้

ขณะที่ซูสามสิบ เรดาร์ใหญ่ไม่พึ่งเอแว็คแต่คนอื่นก็เห็นเจ้าของเรดาร์ได้เหมือนกัน

 

ส่วนเรื่องว่าพอเข้าสภาวะสงครามแล้วความประหยัดไม่ช่วยอะไร ก็ต้องวัดดวงกับ พอเงินหมด เครื่อง นักบินไม่พร้อมรบ ในสภาวะสงคราม เครื่องรุ่นเทพมาจากไหน แต่ไม่พร้อมรบก็ไม่ช่วยอะไร

 

แต่ตอนนี้ผมว่านะ สำคัญที่สุดในการรักษาดุลย์อำนาจในภูมิภาค เรือดำน้ำสถานเดียวเท่านั้น พูดถึงแล้วเซ็ง

โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 26/03/2012 11:55:43


ความคิดเห็นที่ 20


Meteor  มีข่าวว่าอย่างนี้ครับ

Meanwhile  Meteor missile to finish development this year, enter production at turn of year (implied 1st deliveries 2013)

 

โดยคุณ Logieng เมื่อวันที่ 26/03/2012 12:25:13


ความคิดเห็นที่ 21


ถึงว่า คุณ Akula เชียร์เจ้า อู 206 ซะตกกระป๋องล่ะสิเนี่ย คราวหน้าคราวหลังให้แข่งอันที่อยากได้ไว้จะได้สมหวัง (ฮา)

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 26/03/2012 12:31:39


ความคิดเห็นที่ 22


ผมว่าเอฟ 18 ไม่น่าเอา คือจ๊าบก็จ๊าบอยู่ แต่ก่อนก็ตัวโปรดผม (ฮา) แต่ติดที่ดูเหมือนจะสู้ตัวอื่นไม่ได้ (เมื่อเทียบกับพวกเอฟสิบห้า ไต้ฝุ่นราฟาล) เลยต้องคอยโกงเข้าข้างตัวเองว่ามันเจ๋ง (ฮา ประมาณว่าสมองบอกไม่ดี แต่ใจรัก) แถมแพงมาก ออสฯ ซื้อไป 24 ลำ ราคา 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ดอลลาร์ปี 2007 เมื่อตอนทำดีล)ลำละร้อยล้านเหรียญ ถ้ารวมค่าฝึกค่าคนก็เบ็ดเสร็จไปอีกเท่านึง (ระยะเวลาซัพพอร์ตสิบปี)

 เอฟ 18 เเรกสุดออกแบบมาเพื่ออยู่บนเรือบรรทุก สภาพนี่มัลติโรลสุง ทั้งภารกิจโจมตี (ยกกองเรือไปถล่มคนอื่นตามสูตร) สนับสนุนทางอากาศ ดูจากความต้านลมของปีกได้ มีความเสถียรที่ความเร็วต่ำ เพื่อการลงจอดบนเรือ ติดว่ามันออปติไมส์เพื่ออยู่บนเรือ ดังนั้นเครื่องจะหนักเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าหากมีการปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งานบนบกก็คงจะมีแรงขับต่อน้ำหนักที่มากขี้นพอตัว เพราะเคยมีตัวต้นแบบเอฟ 18 รุ่นบนบกที่เบากว่ารุ่นบนเรือถึง 30 เปอร์เซ็นต์ แต่กลายเป็นว่าลูกค้าต่างชาติก็ไม่มีใครซื้อรุ่นบนบกไปใช้จนยุบโครงการไป ที่ตลกคือทุกลำที่ต่างชาติซื้อไปก็ยังติดขอดีดอยู่เลย คือถ้าเอาออกจะไม่บาลานซ์หรือยังไง เลยติดดัมมี่ไว้ ไปหารูปดูได้ครับ

โบอิ้งนี่ก็โม้นักโม้หนาว่ารุ่นอีเอฟเสตลธ์เทียบกับเอฟสามห้า ไม่รู้เพ้อหรืออะไร (โบอิ้งแกว่างั้นจริงๆ บอกว่าทันสมัยกว่าเอฟ-สิบห้า/สิบหก ยูโรคานาร์ด ประมาณว่าเป็นรองแค่เอฟยี่สิบสอง) แต่ผมว่า แม้แต่ air intake ก็ยังเห็นหน้าตัดของturbine ตรงๆ เลย

แต่ที่เจ๋งเป้งของเอฟ 18 คือไอ้พอดอาวุธที่ออกแบบมาใหม่พร้อม CFT ในรุ่นอนาคต ผมว่าเข้าท่ามาก เอามิสไซล์ต่างๆ ยัดใส่พอดที่มีความเสตลธ์ ไม่รู้ทำไมคนอื่นๆ ไม่ทำ (แต่ความคล่องตัวก็จะต่ำกว่าติดมิสไซล์กับเครื่องโดยตรง)

 

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 26/03/2012 13:20:31


ความคิดเห็นที่ 23


ฮ่าๆตอนแรกก็ไม่ได้เชียร์เจ้า อู 206 หรอกนะเพราะมันเก่าใจอยากได้ของใหม่ แต่เห็นเกจิหลายท่านบอกว่าเอามาพอกระเทิน 

สงสัยเพราะผมกลับมาเชียร์มันเลยแห้ว

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 26/03/2012 13:45:16


ความคิดเห็นที่ 24


ตอนหวยมาออกที่ jas-39 ผมดีใจมากกว่าตอนแรกที่ประกาศเลือก su นะ เพราะเศรษฐกิจที่ง่อนแง่นของเรากับหลักนิยมที่ไม่รุกรานใครแล้ว  jas คือคำตอบสุดท้ายครับ

แถมระบบอาวุธก็ไว้ใจได้มากกว่าทางรัสเซียเยอะ ตอนนี้ถึง r-77 จะยิงไกลกว่า แต่ถ้า ทอ. ประจำการด้วย meteor เมื่อไหร่ก็รับรองว่าสอยน้องซู ได้ก่อนแน่นอน นอกจากนี้ถ้าทอ.คุยกับ อิสราเอล เรื่องการขอซื้ออาวุธของฝั่งยิวจริงๆจังๆจะมีอาวุธดีๆให้ใช้ทั้งนั้น เช่นต่อต้าน radar(ที่ไม่มีใครมีในภูมิภาคนี้) ดังนั้น่ jas จึงเป็นเล็กพริกขี้หนูที่สุดแล้วครับ

ปล.ยังแค้นไอ้กันไม่หายที่ชอบไปจุ้นจ้านเรื่องการซื้ออาวุธของเรา เช่นเมื่อก่อนเราจะซื้อ popeye จากอิสราเอลเพื่อใช้กับ f-16 แต่ไอ้กันกลับไม่ยอมแก้ source code ให้ ทำให้เราอดใช้ของดีและล้มโครงการจัดหาไปเลย

โดยคุณ more เมื่อวันที่ 26/03/2012 15:11:32


ความคิดเห็นที่ 25


   ยอมรับครับว่า JAS-39+saab 340  จะเป็นเครื่องสกัดกั้นชั้นเยี่ยมสามารถวัดกับ SU-30  F-16  และ F-15 ได้     แต่ก็เฉพาะภาระกิจนี้แหล่ะครับ

    ในด้านโจมตีทางลึกเจาะระบบป้องกัยภัยทางอากาศ    แบกอาวุธไปมากๆเพื่ออัดเป้าหมาย    ภาระกิจครองอากาศบินวนเหนือพื้นที่หรือประจำสถานีรบนานๆ  แบกจรวด A-to-A  ไปมากๆ    ยังไง SU-30  และ F-15 ก็เหนือกว่าเยอะ    ความคล่องแคล่วทางการบินก็สูงกว่า F-18    ยังไงๆประสิทธิภาพโดยรวมของ SU-30 และ F-15E  ก็เหนือกว่า JAS-39  แน่นอนครับ    Jas-39 จะเทียบได้เฉพาะภาระกิจสกัดกั้นเท่านั้นแหล่ะ  

    ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าตลอดอายุการใช้งาน   ก็ต้องแลกมาด้วยประสิทธิภาพที่สูงกว่ามากตลอดอายุการใช้งานด้วยครับ      มันต้องแลกกันเป็นธรรมดาครับ  

  ถ้าไอ้โมเดลที่ว่าทบ.ต้องเหนือกว่าทุกเหล่ามันจบๆไปซะที   ทอ.กับทร. ก็น่าจะได้งบประมาณมากพอๆกับทบ. แน่ๆ   อย่างนี้จ่ายไหวมั้ยครับ   แลกกับความพร้อมของประเทศ     บอกตรงๆว่าน่าจะถึงเวลาที่ทอ.และทร.  ได้งบประมาณพอๆกับ ทบ. สักที    แม้ว่ากำลังพลจะต่างกันมาก    แต่ระบบอาวุธของทร.และทอ.    โดยเฉพาะทอ.   แพงมหาโคตรครับ  


  

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 26/03/2012 21:54:20


ความคิดเห็นที่ 26


คิดกัน เล่นๆนะครับ Su-30 นักบินใหม่ขับ(120 ชม.บินพอ) ติด R-27 กับ jas-39 นักบินประสบการณ์สูงขับ(5000ชม.บิน) ติด AIM-9 ดวลกันหนึ่งต่อหนึ่ง หรือมี Erieye ทั้งคู่(คิดว่ามันซื้อมาเสริมกันไม่ยากอะ Erieye) ฝ่ายไหนได้เปรียบเสียเปรียบกว่า ดูเผินๆ เครื่องบินเล็กๆ จะประหยัดกว่าก็จริง จึงฝึกได้เยอะกว่า นักบินชินมือกว่า แต่มันไม่ได้แปลว่ารบกันนักบินเก่งๆจะชนะนะครับ ไม่ได้จะว่า jas-39 ไม่ดีนะแต่มันคนละบทบาทกันมากกว่า Su-30 ใหญ่กว่า จุกว่า ไปได้ไกลกว่า คล่องกว่า ยิงไกลกว่า เปลืองตังกว่า แต่เค้าอาจคิดว่า คุณสมบัติอื่นๆสามารถเอามีถมแทนประสบการณ์ของนักบินได้ มันจะดีกับเค้ามากกว่าก็เป็นได้(120 ชม.ฝึกอาทิตย์เดียวก็สามารถทดแทนตัวนักบินได้ แต่ 5000 ชม.หละ กว่าจะมีคนมาแทนได้ก็จบสงครามไปแล้ว) ทั้งที่ค่าใช้จ่ายเท่ากัน

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 26/03/2012 22:26:16


ความคิดเห็นที่ 27


ตอบคุณ Potmon ครับ

จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกไปซะทีเดียวครับ ไม่อย่างนั้นทำไมแต่ละประเทศต้องให้นักบินบินอยู่เรื่อย ๆ ทำไมต้องเสริมประสบการณ์ของนักบินล่ะครับ

ทั้ง ๆ ที่ชั่วโมงบินแต่ละชั่วโมงของเครื่องบินนั้นก็แพงแสนแพง ชั่วโมงบินไม่ใช่แค่ค่าน้ำมันครับ แต่มันรวมถึงค่าซ่อมบำรุงทั้งหมด

แต่ก็ต้องให้บินเรื่อย ๆ

ถ้าหากท่าน potmon จัดจะมวยคู่ JAS39 เจอกับ SU30 ถ้าเป็นด็อกไฟต์ก็ต้องแบบว่า แทบจะกินกันไม่ลง ด็อกไฟต์นั้นใช้ประสบการณ์ล้วน ๆ ครับ

ยิ่งคุณรู้จักเครื่องที่คุณขับมากเท่าไร โอกาสที่คุณจะชนะก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น

โดยคุณ Skywalker เมื่อวันที่ 27/03/2012 00:03:19


ความคิดเห็นที่ 28


จะให้นักบิน SU ใหม่ป้ายแดง ชั่วโมงบินอยู่ที่ร้อยต้น ๆ มาเจอกับ นักบิน Jas-39 ที่ชั่วโมงบินหลายพันชั่วโมง

ก็แทบจะดูแล้วรู้เลยว่าใครไปก่อน

ดูตัวอย่างง่าย ๆ ครับ อย่างที่เคยอ่านกันมาก็ F-22 กับ F-16 หรือ F-15 เนี้ยล่ะ แล้วตอนนั้นก็ยังประจำการมาไม่นานเท่าไรด้วย

แต่นักบิน F-22 ที่เครื่องบอกว่าเทพแสนเทพ ยังแพ้ให้กับ F-16 และ F-15 ได้ แล้วไงเหรอครับ

แล้วมันจริงเหรอที่ประสบการณ์มันไม่สำคัญ??

โดยคุณ Skywalker เมื่อวันที่ 27/03/2012 00:07:42


ความคิดเห็นที่ 29


เสริมอีกทีครับ ที่บอกว่า "120 ชม.ฝึกอาทิตย์เดียวก็สามารถทดแทนตัวนักบินได้ แต่ 5000 ชม.หละ กว่าจะมีคนมาแทนได้ก็จบสงครามไปแล้ว"

ชั่วโมงบินต่อปีอยู่ที่ 200 ชั่วโมงบิน ดังนั้นบินอาทิตย์เดียวก็ไม่ถึงหรอกครับ ห่างกันเยอะ

โดยคุณ Skywalker เมื่อวันที่ 27/03/2012 00:20:16


ความคิดเห็นที่ 30


ตอบคุณ Skywalker นะครับไอ้ที่ว่า F-22 ซ้อมรบในการฝึก red file แพ้ให้กับ F-18E ของ Navy ตอน dogfight กันอยู่จังหวะที่ F-22 กำลังเล่นท่ากายกำเปียงยางอยู่นั้นก็ถูก F18 ล็อกด้วยแอมแรมจากทางท้ายเครื่องทาง 8นาฬิกา ที่ระยะน่าจะประมาณ 5กิโลมั้งครับไม่แน่ ไม่ใช่ F-15หรือ F-16 ทั้งคู่ครับ

โดยคุณ burn เมื่อวันที่ 27/03/2012 02:34:47


ความคิดเห็นที่ 31


เครื่อง F5 ยังเคยชนะ F15 เลย

Mig 19 ยังเคยชนะ F4 เลย

ประสบการณ์เยอะ เหมือนกับการเป็นส่วนหนึ่งในการบังคับการบิน

ถ้าคุณมีประสบการณ์การบินหรือชั่วโมงบินน้อย กว่าจะเปิด หรือ ปิด ระบบอาวุธ

หรือ ไหวพริบในการบิน ที่สภาวะแรงจีสูง คุณว่าใครจะทำได้ดีกว่ากันครับ

oldfighterneverdie


โดยคุณ su37 เมื่อวันที่ 27/03/2012 06:03:43


ความคิดเห็นที่ 32


ดูเหมือนจะเข้าจัยผิดกันไปไหญ่แล้วนะ เรากำลังพูดถึงยุทธเวหาสมัยปัจจุบัน ไม่ไช่ยุคสงครามโลก ซีโร่ ประทะ เฮลแคท ไล่ยิงกันแท่ดๆๆๆๆๆ อย่าไปวัดตอน หมากัด สิครับ ในความเป็นจริง ตัวต่อตัว SU กะ JAS ไม่มีิีอีรีอายส์  SU นะ เห็น JAS ก่อน แล้วปล่อยลูกยาว กว่าจะรู้ตัวดึงคันสติกซ์โยกหลบ ก้กลายเป็นโกโก้ครันซ์ไปแล้ว ซึ้งมันเป็นหลักนิยมในการรบทางอากาศไปแล้ว เหมือนกับ มีดสั้น กับ ทวน อะ ถ้าไห้เลือกขอเลือก ทวน ดีกว่า เข้ามาในระยะ กราบาลแยกในบันดล ส่วนเรื่องชม.บินอะไรนั้น 120ชม.บินถ้าเราบินวันละ18ชม.tankerคอยเติมเชื่อเพลิงไห้ตลอด ตุนข้าวกล่องไปด้วย 7 วัน120ชม. ก็เป็นไปได้นะ ถ้าจะเอาจริงๆน่ะนะ

โดยคุณ YUKIKAZE เมื่อวันที่ 27/03/2012 08:09:09


ความคิดเห็นที่ 33


ซูเห็นยาส ยาสก็เห็นซูพอดีครับ

เพราะไม่ใช่แค่ระยะเรดาร์ที่วัดว่าใครเห็นใครก่อน ขนาดหน้าตัดเดาร์ของเครื่องบินก็สำคัญ

 

มีคนเคยทำแผนเปรียบเทียบแล้วนะ ในเว็บนี้แหละ (ขยันมาก)

ยาสกับซู เห็นพร้อมๆกัน

ออาวุธลูกยาวก็ยาวพอๆกัน 

 

แต่ผมก็เห็นด้วยว่ายาสไม่สามารถใช้ในบทบาทโจมตีทางลึก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทอ.ขาดแคลน แต่ก็ด้วยงบประมาณที่น้อยเกินไป เครื่องบินลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ ก็ต้องบริหารจัดการเท่าที่มี ไม่สามารถซื้อที่อยากได้ทุกอย่าง

 

เสริมนิดนึง ที่ว่าหลักนิยมการรบทางอากาศยุคใหม่ รบระยะเกินสายตา จริงครับ

แต่ด็อกไฟท์ก็สำคัญ เวลารบจริง 

 

ฝ่ายสกัดกั้นอาจจะบินเกาะภูมิประเทศแล้วโผล่มาจะเอ๋ดวลดอกไฟท์ก็เป็นไปได้

 

เหมือนการรบของทหารราบ ปืนยิงกันเป็นร้อยๆเมตร ทำไมต้องฝึกการรบระยะประชิด การใช้ดาบปลายปืน การใช้วิชาต่อสู้มือเปล่า

มันต้องพร้อมทุกสถานการณ์

โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 27/03/2012 08:39:02


ความคิดเห็นที่ 34




ผมให้ฝั่งที่มีประสบการณ์มากกว่าครับ ไม่ว่าจะเป็น BVR หรือ Dogfight
  
เครื่องบินขับไล่เป็นระบบที่ซับซ้อนมากครับ รายละเอียดเยอะมาก ไหนจะเรื่องความสามารถของอาวุธอีกละการดึงเอาความสามารถสูงสุดของทุก ๆ ระบบมาใช้ ต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์สูงครับ คนที่มีประสบการณ์น้อยกว่าโอกาสที่ใช้อาวุธได้มีประสิทธิภาพสูงสุดก็น้อยลงตามครับ

ต่อให้เป็น BVR เครื่องบินเทพ ๆ ก็ไม่ใช่ทุกอย่างครับ(ยกเว้นเจอ Stealth) นักบินประสบการณ์สูงอาจจะหลอกล่อให้ยิง BVR จนหมดแล้วเข้าไป Dogfight ก็เป็นไปได้ครับ 

เพราะจรวด BVR ในปัจจุบัน(ที่ยังไม่เป็น Ramjet)ถ้าใจร้อนรีบยิงกดที่ Max Rangeก็หลบง่ายนะ แต่ถ้าไม่รีบยิ่งโอกาสที่จะยิงโดนก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่จะถูกยิงสวนครับ

ปล. เห็นด้วยครับว่าภาระกิจโจมตีทางลึกกับครองอากาศ Jas-39 สู้ Su-30 ไม่ได้ 



โดยคุณ Logieng เมื่อวันที่ 27/03/2012 08:54:40


ความคิดเห็นที่ 35


เห็นด้วยกับคุณ neosiamese ที่ยกประเด็นมาว่าซูยังกินยาสขาดในด้านการโจมตีครับ อย่างว่า แค่ขนาดบรรทุกก็ขาดลอยแล้ว 

แล้วก็อย่างที่คณ Logieng ว่าแหละครับว่าใช่ว่ายิง bvr แล้วจะแม่นราวจับวาง ซึ่งประเด็นนี้ก็เสริมความน่าใช้ของ meteor ขี้นมาอีก เนื่องจากมีแรมเจ็ท แรงจึงไม่แผ่วปลาย

ส่วนที่คุณ potmon ว่าเรื่องนักบินซูฝึก 120 ชม. เข้าต่อกรกับนักบินยาส ชม. บินครึ่งหมื่นนั้น ผมว่ายาสล่อละครับ ถ้าบิน 5000 ชม. นั้นบินนั้นแทบจะบินโดยไม่ต้องคิดแล้วละครับ  ส่วนถ้าประสบการณ์ 120 นั้นมันขั้นมือใหม่ ที่คุณpotmon เปรียบมาเหมื่อนจะสื่อว่าซูเป็นเครื่องที่ดีและบินบังคับง่ายซะกระทั่งหากนักบินยาสอยากประมือแล้วต้องฝึกถึง 5000 ชม. ซึ่งผมว่าไม่ใช่

และก็อย่างที่คุณ toeytei แจกแจงแล้วละครับว่าซูเรดาร์ใหญ่แต่หน้าตัดเรดาร์ก็ใหญ่เป็นเงาตามตัว 

ตอบคุณ yukikaze ถ้าเรามีเงินซื้อ tanker มาเพื่อฝึกซู ผมว่าซื้อเอฟสิบห้าไปเลยดีกว่า รวยขนาดนั้น และการฝึกวันละ 18 ชม. นั้นแปลว่าเหลือเวลาบนพื้นดินวันละ 6 ชม. ตัดเวลาเตรียมตัวก่อนขึ้นบิน อาบน้ำอาบท่า เหลือนอนกี่ชม.? ทำไปอาทิตย์นึงผมว่าเท่งทึงไปก่อนละมั้ง หรือไม่ก็ไปรบแบบเบลอๆ 

มีเรื่องราวมาเสริมเรื่องความขาใหญ่ของสหรัฐ ผมอ่านบทความจากเว็บ ทอ. ปากี (http://www.paffalcons.com/specials/paf-viper-pilot.php) นักบินปากีเล่าว่าไปฝึกบินเครื่อง f-16 ของตุรกี แต่ไม่ได้บินบล็อก 50 เพราะสหรัฐฯ ห้ามไม่ให้ตุรกีให้นักบินปากีทำการบิน แต่ตอนหลังพอปากีสั่งบล็อก 52 มาใช้บ้าง ประเด็นนี้จึงไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป นักบินปากีก็บินบล็อก 50 ของทอตุรกีได้ ดังนั้นเราควรจดจำไว้ว่าอเมริกาจุ้นจ้านหลายเรื่องไม่ใช่แค่เรื่อง amraam สุดคลาสสิก

เรื่อง erieye นั้นเรดาร์ไกลกว่าซูแน่นอน และยังสามารถใช้ดาตาลิ้งค์นำทางจรวดที่ปล่อยโดยยาสได้ 

สรุปคือ มีเงินแค่นี้ จะเลือกเครื่องเล็กฝึกมาก หรือเครื่องใหญ่ฝึกน้อย หรือเครื่องใหญ่ฝึกมาก จำนวนน้อย แต่พอดี ทอ. เราเอาข้อแรก

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 27/03/2012 10:24:45


ความคิดเห็นที่ 36


จากที่อ่านความเห็นของเพื่อนสมาชิกทุกท่านมา ก็หลากหลายความคิดครับ

แต่ถ้าในความคิดของผมนะครับ ถึงแม้จะมีเครื่องขั้นเทพ หรือเครื่องระดับกลาง แต่ถ้าขาดการสนับสนุนจากทั้งทางภาคพื้น และอากาศ มันก็คงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรอกครับ ต่อให้มีเครื่องขั้นเทพระบบซับพอร์ตยังไม่พัฒนาก็จบเห่

แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างหอกกับมีกสั้น ลองนึกถึงว่ามีดสั้นก็ปาได้นะครับ แล้วถ้าเกิดไปเจอพวกมีสั้นชั้นครูล่ะก็หอกก็หอกล่ะครับ มีสิทะตายก่อน หอกถือได้1อัน แต่มีดสั้นเป็น10 อันนี้เป็นการเปรียบเทียบคนกันนะครับ

โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 27/03/2012 10:40:40


ความคิดเห็นที่ 37


อย่างที่ข้างบนได้บอกไปครับ  ไม่ใช่ดูแค่ระยะตรวจจับของเรดาร์อย่างเดียว

แต่ต้องดู RCS ของเครื่องด้วยครับ

โดยคุณ arpeggio เมื่อวันที่ 27/03/2012 11:16:00


ความคิดเห็นที่ 38


ลองเอาไปโพสเล่น ๆ ในหว้ากอครับ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11885523/X11885523.html

จากความเห็นในหว้ากอและใน TFC ได้ความรู้เยอะทีเดียว บางครั้งผมเองก็มั่วด้วย -/\-

จริงอยู่ที่ใครเจอก่อนได้เปรียบ แต่ก็ใช่ว่าเจอก่อนจะได้ยิงก่อน แต่คิดดี ๆ SU มันก็เหนือกว่าจริง ๆ ในทุกภารกิจ

ความคิดเห็นที่ 3 ติดต่อทีมงาน

เทียบอย่างนี้ไม่ถูกต้องเทียบที่ Value เท่ากันด้วย
ถ้าเอา SU-30 มาก็ต้องเทียบกับ JAS-39 แบบ

SU-30 2 ลำสู้กับ JAS-39 3 ลำอะไรอย่างนั้น สงครามมันไม่ใช่การรบตัวต่อตัว มันเป็นการรบระหว่างองค์กรต่อองค์กร อย่าว่าแต่ไม่ว่าจะเครื่องบินลำละกี่ล้านเจอ AA อันเดียวก็ร่วงได้ ไม่ว่ามันจะยิงจากเครื่องอะไรก็ตาม

คห.3 ในหว้ากอครับ ที่เค้าว่า AA นี้มันคืออะไรเหรอครับ

โดยคุณ Skywalker เมื่อวันที่ 27/03/2012 13:13:02


ความคิดเห็นที่ 39


ไม่ใช่ว่าอยากสอดนะครับ พอดีผมพวกชอบอ่านอย่างเดียวแต่ตอนนี้ขอเขียนมั่ง

ลองไปหาข้อมูล ฐานบินของมาเลดิ ว่าซู 30เป็นไงบ้างเพราะตอนนี้กำลังปวดหัวหนักกับมันอยู่ผมว่าไทยไม่ซื้อก็ดีแล้วเพราะ

1 ค่าบำรุงรักษาแพงมากครับ และตัวเครื่องไม่เหมาะกับ สภาพ โซนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

2 ต้องมีห้องเก็บรักษาแบบพิเศษ(ยังหาขู้อมูลไม่ได้ว่าแบบไหนเห็นแต่ภาพถ่าย)

3 นักบินน่ะต้องเก่งจริงเพราะตัวนี้ได้ข่าวมาว่าบังคับยาก(ไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน)

4 การบินแต่ละครั้งหรือ ชม. ที่บิน อัตตราการศึกหรอสูงมากครับ น้ำมันกินอย่างกับเททิ้ง(ลองคิดดูเอากันครับ ถ้าเรารวยเหมือนประเทศอื่นผมว่าก็สมควรซื้อเพราะเอาไว้ขู่ชาวบ้านสบายเรื่องประสิทธิภาพของมันครับ แต่นี่ประเทศไทยครับ หนี้สาธารณ ยังใช้เขาไม่หมด ยังจะเอางบประเทศมาละลายน้ำก็ไม่ไหว )

อันนี้ถ้าไม่จริงประการใดก็ขอโทษด้วยครับ จากเด็กน้อยชอบสงคราม (ที่เอาข้อมูลมาลงนี่จากหนังสือ สมรภูมิครับจำไม่ได้ว่าเล่มไหน แต่เมื่อสัก 3-4 ปีมาและ)

โดยคุณ JesuS เมื่อวันที่ 27/03/2012 14:06:48


ความคิดเห็นที่ 40


ผมว่า ดีแล้วหละครับ  ที่ไม่ได้น้อง ซูซี่ มาประจำการ ไม่งั้น....ปวดหัวกันทั้ง กองทัพ...เนื่องจากเธอ เซ็กซี่ มาก....มากจนเกินรับไหว..

โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 27/03/2012 14:35:09


ความคิดเห็นที่ 41


AA=Anti Aircraft

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 27/03/2012 15:05:50


ความคิดเห็นที่ 42


ผมเองก็ กองเชียร์ SU30 แต่ก็ไม่ได้ติดใจ ที่ทาง ทอ.ซื้อ JAS39   ไม่ขอพูดถึง สมรรถนะเพราะ คงพูดกันจนเบื่อไปนานมากแล้ว  แต่ concept ในการจัดซื้อ ทอ.ในครั้งนี้ คงไม่ได้ซื้อแค่ตัวเครื่องบินอย่างเดียว แต่เล่นกันมาทั้งระบบ  เช่นเดียวกับที่ ทร.จะซื้อ u206a เช่นเดียวกัน   ฝากไว้อีกเรื่องนึงครับ ตอนที่ ทอ. ซื้อ jas39 นั้น  อเมริกาเต้นเป็นเจ้าเข้าทีเดียว  ในทางกับกัน ถ้าเราซื้อ su30 นี่จะเป็นอย่างไร และF16 เราจะได้ MLU หรือไม่  ผมเชื่อว่า ทาง ทอ.ได้ตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดแล้ว มันก็ควรที่จะจบตรงนั้นนี่ครับ ต่อไปคงต้องดูการพัฒนาและต่อยอดของโครงการต่อไปครับ

โดยคุณ PIZZi เมื่อวันที่ 27/03/2012 15:54:59


ความคิดเห็นที่ 43


ไม่ได้เข้ามาอ่านซะสามสี่วัน งานชุก กระทู้นี้คึกครื้นดี เอาซะหน่อย

ตอนนั้นผมก็เชียร์น้อง ซูฉี ออกนอกหน้า เพราะว่าชอบลีลาปราดเปรียวเย้ายวนของน้อง ซูฉี ทั้งรุกและรับ บ๊ะ โดนใจ แถมหมัดเด็ดแสนจะแน่นหนักเรียกกว่าถึงกับหลับพักกันไปเลย แต่ต่อมาผลที่ออกมาคือ ทัพฟ้า เลือกน้องหยาด ตอนนั้นก็แอบเสียดายและเสียใจเล็กน้อยต้องจำใจจากน้อง ซูฉี ไป บ๊ายบาย ช่างเถอะว่า ตูไม่ได้ใช้นี่หว่า คนใช้เขาเลือกของเขาเอง เขาต้องรู้ล่ะว่า สู่ขอน้อง หยาด เอามาทำอะไร ท่าไหน อย่างไร ตบตีกับใครแบบไหน และพอถัดมาเห็นลีลาแพรวพราวแถมมีพี่เลี้ยงมาด้วย บวกกับลีลาแม่ไม้และเครื่องมือเครื่องไม้มาใช้ในการสู้ศึกที่คิดว่าคงไม่ได้มีมากับน้องเค้า ก็ดันมี อย่าง อย่างการชง ชาไอริช บ๊ะ เอาก็เอาวะ ฮ่าๆ

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 27/03/2012 16:55:56


ความคิดเห็นที่ 44


ผมว่ามันคงเป็นเรื่องความชอบละครับ ใครชอบก็ว่าดีไปหมด ไม่เถียงครับถ้าเทียบสเป๊คบนหน้ากระดาษ พี่ซูซี่ กินน้องหยาดขาด แต่ถ้าดูองค์ประกอบอื่นๆผมว่า ทอ ตัดสินใจได้ดีทีเดียว อย่างแรกก็เปนไปตามยุทธศาสตร์บ้านเราละครับคือไม่รุกรานใครก่อนรับอย่างเดียว นั่นหมายถึงหากจะมีการรบก็คงเป็นการสกัดกั้นบริเวณพรมแดน ไม่ใช่เชิงลึก อย่างนี้แล้วความได้เปรียบเรื่องระยะเรดาห์หรือน้ำหนักบรรทุกก็หมดไปแล้วครับ(ในกรณีที่เพื่อนบ้านโจมตีด้วยซู)ซู แม้จะติดอาวุธได้มากกว่าแต่เวลายิงก็ยิงได้ทีละลูกเหมือนกัน

และคงยากที่จะมีโอกาสยิงจนหมดส่วนใหญ่ถ้าไมร่วงซะก่อน(วัดกันที่ลูกแรก)ก็จ๊ะเอ๋กันละทีนี้ก็วัดกันที่นักบินเท่านั้น

เรื่องประสบการณ์นี่ผมก็เถียงครับอย่าว่าแต่เครื่องบินเลยแค่ยิงปืนนี่ก็เห็นชัดแล้ว บางคนซ้อมยิงเป้าแม่นมากแต่พอเวลาเจอสถานการณ์จริงกลับทำอะไรไม่ถูกมือไม้สั่นไปหมด

แล้วมาถึงเรื่งเกี่ยวกับซูที่ผมไม่ชอบบ้าง(ความเห็นส่วนตัวครับ)

มีข่าวตกอยู่เรื่อยๆแล้วส่วนใหญ่เป็นปัณหาด้านเทคนิคแต่หลังๆก็ดีขึ้นนะไม่ค่อยมีข่าวเท่าไหร่แต่ก็ได้ยินอยู่บ้างล่าสุดก็ของเวียดนามมั้งครับเห็นแวบๆในบอร์ดนี่หละ

ความคุ้นเคย อย่างที่ทราบว่าเรามันสายนาโต้อยู่ดีๆไปเปลี่ยนคงเหมือนนับหนึ่งใหม่แล้วความเข้ากันได้กับระบบเดิมอีกถึงจะโมให้เข้ากันได้คงจะยุ่งยากหนักไปอีก)แล้วถ้าเปลี่ยนประกันจะสิ้นสุดรึปล่าวหว่าอิๆ)

สุดท้ายคงต้องฝากบอกน้องซูซี่ว่าถึงน้องจะดีเพียงใดแต่เราคงไปด้วยกันไม่ได้นะจ๊ะ

โดยคุณ hinnoi เมื่อวันที่ 27/03/2012 17:31:37


ความคิดเห็นที่ 45


ประสบการณ์และฝีมือ และ ประกอบกับความพร้อมรบครับ

  จริงๆครับ เวลาฝึกก็รู้ๆกันอยู่

      ไม่เชื่อไปถามนักบินแถวๆประเทศทางใต้ดูซิ ว่าเป็นยังงัย เวลาฝึกร่วมกัน

          นักบินมันก็เพื่อนๆกัน เจอกันทุกปี

โดยคุณ su37 เมื่อวันที่ 27/03/2012 21:00:21


ความคิดเห็นที่ 46


อย่าเถียงกันเลยครับ เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ก็อยากได้ทั้ง Jas-39 Gripen และ เครื่อง SU หล่ะครับ แต่ถ้าได้ SU มาเสริมเคี้ยวเล็บ ของกองทัพอากาศ ซักฝูง ก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว

จำได้ว่า สมัยนั้น เราเอา สินค้า ไปแลกซื้ออาวุธ กะ ค่ายรัสเซีย ได้นะครับ ก็น่าเสียดายเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ คงไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว คงต้องเสียกะตังซื้ออาวุธอย่างเดียวหละมั้ง

โดยคุณ seetha456 เมื่อวันที่ 28/03/2012 00:08:47


ความคิดเห็นที่ 47


อย่างที่ผมเขียนไว้ด้านบนน่ะครับว่าการใช้ผลผลิตทางการเกษตรมันจะคุ้มต่อเมื่อผลผลิตล้นตลาดเท่านั้น 

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 28/03/2012 01:25:06


ความคิดเห็นที่ 48


   ถ้าพูดถึงประสิทธิภาพของเครื่องก็ต้องบอกว่า SU-30 เหนือกว่า    แต่ต้องดูว่าเรามีนโยบายป้องกันประเทศอย่างไร     กรณีนี้ทอ. แค่ต้องการป้องกันตัวเอง   ดังนั้น Jas-39 จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง   เมื่อบวกกับอีรี่อายแล้วสู้ทั้ง SU-30 และ F-15 ได้สบายๆ    ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานต่ำกว่ามาก    ดำรงความพร้อมรบได้สูง   ไม่ต้องอเมริกา   ก็ OK ครับ   ตรงตามความต้องการอย่างที่สุด   เหมือนซื้อรถ BMW ซีรี่ย์3   หรูพอประมาณ   ประสิทธิภาพ OK  ประหยัดค่าใช้จ่าย   พอจะอวดกับชาวบ้านเขาได้

   SU-30   เหมาะกับประเทศที่อยากใหญ่  หรือ เจอคู่ปรับที่ใหญ่จริงๆน้ำลายเหนียวคอ(เงาที่คอยังอยู่หรือเปล่าต้องหันไปมอง)   เช่น  เวียตนาม(เงาหัวไม่ค่อยเห็นชัด)    จีน(ใหญ่จริง)   มาเลย์(ตัวเล็กแต่อยากใหญ่)    อย่างนี้ต้องน้องSU    เพราะเอาไว้ข่มขู่ได้ดีมาก   แบบว่าป้องกันตัวก็เริด   ไปตื๊บใครก็ดีเยี่ยม   เจอใหญ่ด้วยกันอีกฝ่ายคิดหนักมากว่าจะแลกด้วยดีใหม?  

    SU-30 F-15E เปรียบได้กับรถสปอร์ตเฟอรารี่กับแลมเบอร์ล่ะครับ     ขับอวดใครได้เต็มที่   ทั้งถนนหลบฉาก   แข่งวัดกะใครก็ได้  สาวโดดตบแย่งกันนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ    แต่ค่าน้ำมัน......ซู๊ดดด.......ค่าประกัน.....ซื้อคอนโดเล็กๆได้เลย......ค่าซ่อมบำรุง....แค่ไฟท้ายก็ซื้อวีอ๊อสได้แล้ว    คนใช้ตูดบานครับ  

    ถ้าทอ. ยังคงไม่ได้งบเพิ่มเทียบเท่าทบ.   คงต้องจบที่น้อง JAS-39 สถานเดียวครับ   เอาไว้ป้องกันตัว  ขู่ใครเขาก็ไม่ค่อยกลัวเท่าไร่


โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 28/03/2012 14:36:23


ความคิดเห็นที่ 49


ดูอยากนโยบายของ สวิส เขาเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่ก็ยังเลือกแค่ gripen เพราะเขามีแนวคิดเหมือนเราคือเป็นประเทศที่เป็นกลาง

ถ้านโยบายทางการทหารของเรายังเป้นแบบนี้(เกรงใจเพื่อนบ้าน)ก็ไม่รู้จะซื้อน้องซูมาทำไม แค่ gripen ng ก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว เพราะใช้แต่ในบ้านไม่ออกไปรุกรานใคร

แต่ถ้าอยากออกไปนอกบ้านก็หา tanker เพิ่มสัก ลำ และไปเน้นที่อาวุณหรูๆเช่น mateor,hellfire,harm,shadow strom แทน

โดยคุณ more เมื่อวันที่ 28/03/2012 16:24:47


ความคิดเห็นที่ 50


ไม่น่าเชื่อว่ากระทู้นี้จะมีคนPostเกิน50ความคิดเห็น

โดยคุณ I see u เมื่อวันที่ 28/03/2012 20:57:16


ความคิดเห็นที่ 51


คุณ กบ  หายไปไหนนะ...

โดยคุณ kapooknet200 เมื่อวันที่ 28/03/2012 22:37:36


ความคิดเห็นที่ 52


เอา SU35 หรือ EF2000 + ราฟาลหรือกริฟเพ่น NG ในอนาคตนะ  ทร.ขอเรือ ส เลิกโมเดลอะไรนั่นด้วยนะ   

โดยคุณ su50 เมื่อวันที่ 28/03/2012 09:52:16