โฆษกกระทรวงต่างประเทศเผยทางการอิหร่าน ยอมรับผู้ต้องหาบึ้มกรุง 2 รายถือสัญชาติอิหร่าน แต่ไม่เกี่ยวรัฐบาลอิหร่าน
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ออกคำแถลงต่อสื่อเกี่ยวกับการโจมตีนักการทูตอิสราเอล ว่า เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยประณามการก่อการร้ายทุกรูปแบบและทุกวิธี ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ไหน ในการนี้ประเทศไทยได้ดำเนินการอย่างแข็งขันในการต่อต้านการก่อการร้ายในเวทีต่างๆ รวมถึงกรอบสหประชาชาติและอาเซียน
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยว่า หลังจากการตรวจสอบสัญชาติผู้ต้องสงสัย 2 รายซึ่งถูกจับกุมที่ีประเทศไทยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอิหร่าน สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลทั้งสองถือสัญชาติอิหร่าน อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตอิหร่านฯ ได้ยํ้าว่า ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอิหร่านหรือองค์กรใดๆ ของอิหร่าน โดยผู้ต้องสงสัยทั้งสองก่อเหตุด้วยตนเอง ในการนี้สถานเอกอัครราชทูตอิหร่านฯ ได้เข้าพบผู้ต้องสงสัยทั้งสองเพื่อให้การดูแลทางด้านการกงสุล ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานในเรื่องดังกล่าว
โฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนของตำรวจไทยเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ีสุขุมวิท ซอย 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ในชั้นนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอินเดีย และจอร์เจีย หรือไม่ โดยการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งหากพบหลักฐานเพิ่มเติมประการใด ก็จะมีการแถลงเพิ่มเติมบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ีรวบรวมได้ ส่วนการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนผู้ต้องสงสัยคดีนี้ ซึ่งถูกควบคุมตัวที่ประเทศมาเลเซียนั้น ทางการไทยได้ส่งคำร้องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน อย่างเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของมาเลเซีย โดยช่องทางทางการทูตผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์แล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.
ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรมั่นใจได้ว่า การสืบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะเป็นไปอย่างมืออาชีพและละเอียดรอบคอบตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้หวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเคารพอธิปไตยของไทยและไม่ดำเนินการใดๆ ในผืนแผ่นดินไทย ในอันที่จะกระทบความมั่นคงของไทย หรือใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นภัยต่อประเทศอื่นๆ รวมถึงประชาชน และผลประโยชน์ของประเทศอื่น
แหล่งข่าว : กรุงเทพธุรกิจ
รายงานซีไอเอยืนยันไม่มีหลักฐานว่าอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ตามที่สหรัฐและชาติตะวันตกหวั่นกลัว
หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่นักวิเคราะห์สำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) แห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า จากการประเมินของหน่วยข่าวกรองสหรัฐครั้งล่าสุด โดยอาศัยข้อมูลที่รวบรวมมาในปี 2550 สามารถสรุปได้ว่าอิหร่าน ไม่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใด และได้ล้มเลิกโครงการดังกล่าวไปแล้ว
เจ้าหน้าที่รายนี้ ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวได้รับการทบทวนและยืนยัน ในรายงานประเมินสถานการณ์ข่าวกรองแห่งชาติประจำปี 2553 โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมมาจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐ 16 แห่ง
รายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ได้สรุปในรายงานว่า มีความกังวลอย่างมากต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่านว่า มีความเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้ในมิติทางด้านการทหาร
นิวยอร์คไทมส์ รายงานด้วยว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐ อิสราเอล และยุโรป เห็นพ้องต้องกันว่าอิหร่านกำลังเสริมสมรรถนะเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ และกำลังพัฒนาสาธารณูปโภคบางประการที่เอื้อต่อการเป็นประเทศผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองในต่างประเทศเชื่อว่า อิหร่านยังไม่ตัดสินใจว่า จะดำเนินโครงการออกแบบหัวรบนิวเคลียร์ ที่เชื่อว่าได้ยกเลิกการดำเนินโครงการดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่ปี 2546 โดยในครั้งนั้น ถือเป็นโครงการคู่ขนานไปกับโครงการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของประเท
แหล่งข่าว : กรุงเทพธุรกิจ