หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ขึ้นบินถี่ๆ J-20 “สเตลธ์” จีนใกล้จริง ตัวเปลี่ยนดุลอำนาจเวหา

โดยคุณ : kaypui42 เมื่อวันที่ : 10/02/2012 23:23:31


ภาพที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าวการทหารของจีนในวันจันทร์ 6 ม.ค.2555 เครื่อง บิน J-30 "เฉิงตู" กำลังไต่เพดานบินในแนวดิ่งขณะขึ้นบินทดสอบก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน ซึ่งผู้ที่สามารถถ่ายภาพนี้ได้และนำออกเผยแพร่ได้ในชั่วเวลาข้ามวัน ก็ย่อมมีแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบหรือผู้ใกล้ชิดกับโครงการนี้เท่า นั้นและยังอาจจะแสดงให้เห็นว่าจีนพร้อมแล้วที่จะอวดผลงานของตนต่อชาวโลก นักวิเคราะห์มองว่าปรากฏการณ์เช่นนี้อาจจะบ่งบอกว่า การทดสอบเครื่องบินสเตลธ์ที่ดำเนินมาตลอด 2 ปีกำลังได้ผลที่น่าพึงพอใจและใกล้ความจริง.
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กองทัพอากาศจีนเพิ่งจะบินทดสอบเครื่องบินต้นแบบ J-20 “เฉิงตู” อีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 65 ซึ่งทำให้เชื่อว่าทุกอย่างใกล้จะลงตัว และนักวิเคราะห์ กล่าวว่า เครื่องบินที่ใช้เทคโนโลยีหลบเลี่ยงเรดาร์แบบ “สเตลธ์” (Stealth) ของจีนกำลังเป็นตัวแปรแห่งดุลอำนาจทางอากาศในเอเชีย
       
       การประดิษฐ์คิดค้นและทดลองสร้างเครื่องบิน J-20 ด้วยเทคโนโลยีของตนเอง ตลอดจนความมุมานะของจีนในการทดลองเพื่อความลงตัว เพื่อให้ “เฉิงตู” มีประสิทธิภาพสูงสุดตามที่ต้องการ กำลังทำให้เกิดการแข่งขันด้านสงครามทางอากาศขึ้นในเอเชีย เพื่อหาทางรับมือกับการ “ขยายอำนาจ” ของฝ่ายจีน
       
       วันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวแห่งเดียวกันนี้ได้นำภาพ J-20 ขึ้นทดลองบินออกเผยแพร่มาครั้งหนึ่งโดยมิได้ให้รายละเอียด แต่การเผยแพร่ภาพอีชุดหนึ่งก่อนหน้านั้นในกลางเดือน ธ.ค.2554 มีการระบุว่า เป็นการทดลองขึ้นบินครั้งที่ 53 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายในเวลาชั่วข้ามเดือน จีนได้บินทดสอบเครื่องบินล่องหนถึง 12 ครั้ง
       
       ภาพที่เผยแพร่ผ่านประชาคมออนไลน์ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ ยังแสดงให้เห็นการพลิกแพลงผาดโผนอันแคล่วคล่องว่องไว อย่างน่าประหลาดใจของ J-20 ขณะบินทดสอบเหนือน่านฟ้านครเฉิงตู (Chengdu) มณฑลเสฉวน (Sichuan) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้
       
       ในช่วงเดียวกันนี้กองทัพอากาศจีนยังได้บินทดสอบเครื่องบินขับไล่โจม ตี J-15 มาหลายครั้ง และ นี่คือเครื่องบินรบที่จีนเตรียมเอาไว้สำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินที่กำลัง สร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกด้วยเทคโนโลยีของตัวเองเช่นกัน
       
       เครื่องบินรบ J-15 เป็น “Su-33” เวอร์ชันของจีนที่สร้างขึ้นจากเครื่องต้นแบบที่ซื้อจากสาธารณรัฐยูเครน โดยใช้เครื่องยนต์ไอพ่น อุปกรณ์ควบคุมการบิน อุปกรณ์นำร่อง และระบบบังคับอาวุธทันสมัยซึ่งเผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีของจีนเอง
       
       นี่คือ เครื่องบินรบตระกูล Su-27/Su-30 ที่มีชื่อเสียงของค่ายโซเวียต ที่พัฒนามาต่อเนื่อง และ Su-33 เป็นรุ่นดัดแปลงให้สามารถขึ้นลงในระยะทางสั้นๆ ได้ และ มีปีกที่พับได้สำหรับประจำเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซียในปัจจุบัน
       
       สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า ประชาคมระหว่างประเทศกำลัง “รู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข” กับการเสริมสร้างกำลังรบของจีน รวมทั้งการค่ำบาตรต่ออิหร่านของโลกตะวันตกได้ทำให้หลายประเทศทั้งในเอเชีย และตะวันออกกลางต้องทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างเสริมกำลังทางอากาศของตนเอง
       
       “กำลังมีการเน้นเป็นอย่างมากในเรื่อง.. เครื่องบินรบกับสิ่งต่างๆ ที่ใช้กับเครื่องบิน -- ขีปนาวุธ ลูกระเบิด อากาศยานสนับสนุน เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าทางอากาศ เครื่องบินเติมน้ำมันกับสิ่งอื่นๆ ในเรื่องเหล่านี้” รอยเตอร์อ้างคำพูดของนายซีโมน วีซแมน (Siemone Wezeman) นักวิจัยอาวุโสด้านการซื้อขายอาวุธแห่งสถาบันวิจัยสันติสุขระหว่างประเทศ แห่งกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
       
       เดือน ธ.ค.2554 ญี่ปุ่นประกาศทุ่มเงินมหาศาล 7,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ F-35 เครื่องบินรบทันสมัยล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ใช้เทคโนโลยีสเตลธ์ จำนวน 42 ลำ และเชื่อว่า เกาหลีใต้ก็กำลังจะเดินตามรอยเดียวกัน อันเป็นผลโดยตรงจากการพัฒนากำลังทางอากาศของจีน
       
       เดือน ม.ค.เกาหลีได้เชิญผู้แทนบริษัท ล็อกฮีดมาร์ติน ผู้ผลิต F-35 บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรบยูโรไฟเตอร์ และ ค่ายบริษัทโบอิ้งสหรัฐฯ เข้าเสนอรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งราคาของ “เครื่องบินรบก้าวหน้า” จำนวน 60 ลำ ที่คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านดอลลาร์
       
        ขึ้นบินถี่ยิบ ประชาคมออนไลน์
       
ภาพ การขึ้นบินทดสอบครั้งที่ 65 ของเครื่องต้นแบบ J-20 “เฉิงตู” ในวันเสาร์ 4 ม.ค.2555 ถูกนำออกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าวการทหารในชั่วเวลาข้ามวันเท่านั้น อีก 1 วันถัดมา คือ 6 ม.ค.2555 ก็มีการนำเอาภาพเจ้า 2001 ลำเดียวกันนี้อีกชุดหนึ่งแพร่ในประชาคมออนไลน์และก่อนหน้านั้นเพียงเดือนเศษ ภาพการขึ้นบินทดสอบครั้งที่ 53 ออกว่อนในเน็ตมาก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนทดสอบเครื่องบินรบเทคโนโลยีสเตลธ์ของตนถี่ยิบกว่า 10 ครั้งในช่วงปลายปีจนถึงต้นปีนี้ นักวิเคราะห์มองว่าเครื่องบิน “ล่องหน” ของจีนเริ่มใกล้ความจริง.


       2

       3

       4

       5

       6
       บริษัทเหล่านี้กำลังชายตามองไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวต เช่นกัน รอยเตอร์กล่าว
       
       ส่วนอินเดียที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาข้ามศตวรรษกับจีน ปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ประกาศซื้อเครื่องบินรบราฟาล (Rafale) รวดเดียว 179 ลำ
       
       ผู้ผลิตในฝรั่งเศส กล่าวว่า ราฟาลเหนือกว่า F-18 กับ F-16 ของค่ายสหรัฐฯ ในทุกทาง แต่ขณะเดียวกันอินเดียยังเจรจาขอซื้อเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้ากับเครื่อง บินเติมน้ำมันกลางอากาศจากสหรัฐฯ เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง และในอนาคตอินเดียอาจเป็นลูกค้า F-35 ที่สหรัฐฯ จะต้องให้ความสำคัญอีกรายหนึ่ง
       
       ส่วนในเวียดนามยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าปัจจุบันได้รับมอบเครื่อง บินรบ Su-30MK2 ไปทั้งหมดกี่ลำ ขณะที่สื่อในรัสเซียรายงานอ้างการเปิดเผยของผู้บริหารบริษัทซูคอยว่า เวียดนามมีแผนจัดซื้อทั้งหมด 44 ลำ และ อาจจะเปลี่ยนไปเป็น Su-35 ที่เป็นเครื่องบินรบ “ยุค 4 ++” ที่ใช้เทคโนโลยีสเตลธ์ จำนวนหนึ่งด้วย
       
       วุฒิสมาชิกชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ไปเยือนเวียดนามเดือนที่แล้วกล่าวว่า มีคนจำนวนมากในรัฐสภาที่ต้องการสนับสนุนให้สหรัฐฯ ขายอาวุธแก่เวียดนาม แต่ยังติดที่ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
       
       แต่ในขณะเดียวกัน เวียดนามซึ่งเป็นคู่พิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ที่อยู่ใกล้จีนมากที่สุด ยังมีชื่อในบัญชีลูกค้าของเครื่องบิน T-50 “สเตลธ์” ของค่ายรัสเซีย
       
       รัสเซียก็เช่นเดียวกับจีน คือ อยู่ระหว่างการทดลองเครื่องบินรบที่ใช้เทคโนโลยีล่องหนของตน และ กองทัพอากาศรัสเซียมีแผนการที่จะนำเข้าประจำการเครื่อง T-50 PAK-FA ภายในปี 2558 นี้
       
       นายริชาร์ด อาบูลาเฟีย (Richard Aboulafia) แห่งทีลกรู๊ป (Teal Group) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาคาดว่า จนถึงปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเครื่องบินอาจจะสูงถึง 178,000 ล้านดอลลาร์
       
        ปีมังกรผงาดฟ้า ประชาคมออนไลน์
       
ภาพ ชุดข้างล่างถูกนำออกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าวการทหารของจีนและแพร่ออกประชาคม ออนไลน์ในวันจันทร์ 6 ม.ค.2555 โดยตั้งชื่อเรื่องว่า “J-20 แห่งปีมังกร” การบินทดสอบ J-20 “เฉิงตู” เคยเป็นความลับสุดยอดมาก่อน แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจีนอยากจะอวด และอาจจะบ่งบอกว่าการทดสอบกำลังงวดเข้ามาทุกขณะ ก่อนจะผลิตออกมาใช้งานจริง นักวิเคราะห์ตะวันตกมองว่าเครื่องบินรบเทคโนโลยีสเตลธ์ของจีนกำลังสร้างความ เปลี่ยนแปลงให้ดุลอำนาจทางอากาศในเอเชีย ทำให้หลายประเทศที่หวาดผวา “อำนาจจีน” โดยเฉพาะอย่างย่ิงเกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งอินเดีย ต่างกำลังหาเขี้ยวเล็บใหม่เพื่อเสริมอำนาจเหนือน่านฟ้าของตัวเองบ้าง.. ไม่ต้องกล่าวถึงเวียดนาม


       7

       8

       9

       10

       11

       12

       12

       14

       15

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000017147





ความคิดเห็นที่ 1


คือเครื่องบินทิ้งระเบิด ความเร็วเหนือเสียงใช่เปล่าเนี่ย..^^

โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 10/02/2012 00:53:32


ความคิดเห็นที่ 2


ใหญ่ยาวเกิน แต่ทำออกมาถือว่าเก่ง พัฒนาไวมาก ไม่รู้รีบไปเปล่า เลยไม่ค่อยสวยเท่าไร

โดยคุณ cananac11 เมื่อวันที่ 10/02/2012 02:35:56


ความคิดเห็นที่ 3


แน่ใจว่าเป็นเครื่องบินขับไล่คครองอากาศ..เพราะมันน่าจะเป็นโจมตีมากกว่าเพราะมันใหญ่มาก55+

 

โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 10/02/2012 09:33:01


ความคิดเห็นที่ 4


ทําไมลําใหญ่จัง หรือเน้นไปที่เติมเชื้อเพลิงได้เยอะๆ ภารกิจไกลๆ เช่น หมู่เกาะสแปรตลีย์

โดยคุณ alexoff เมื่อวันที่ 10/02/2012 11:32:20


ความคิดเห็นที่ 5


รูปร่างทั้งยาวทั้งใหญ่เกินหน้าสเตลท์ของมะกันและรัสเซีย

ทรวดทรงดูทื่อๆไม่ค่อยมีเว้ามีโค้งลงตัวสวยงามอย่างสเตลท์ของคู่แข่ง

และลำขนาดนี้คงจะยัดทานน้ำมันระเบิดระเบ้อในการบินแต่ละเที่ยว

ที่ตำหนิเขาก็เพราะอิจฉาเขาล้วนๆเลย นึกอยากจะทำได้อย่างเขาบ้างจัง

โดยคุณ chaisoi3 เมื่อวันที่ 10/02/2012 12:11:13


ความคิดเห็นที่ 6


น่าจะเน้นโจมตีภาคพื้นมากกว่า ครองอากาศ

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 10/02/2012 12:23:31