ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กองทัพอากาศจีนเพิ่งจะบินทดสอบเครื่องบินต้นแบบ J-20 “เฉิงตู” อีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 65 ซึ่งทำให้เชื่อว่าทุกอย่างใกล้จะลงตัว และนักวิเคราะห์ กล่าวว่า เครื่องบินที่ใช้เทคโนโลยีหลบเลี่ยงเรดาร์แบบ “สเตลธ์” (Stealth) ของจีนกำลังเป็นตัวแปรแห่งดุลอำนาจทางอากาศในเอเชีย การประดิษฐ์คิดค้นและทดลองสร้างเครื่องบิน J-20 ด้วยเทคโนโลยีของตนเอง ตลอดจนความมุมานะของจีนในการทดลองเพื่อความลงตัว เพื่อให้ “เฉิงตู” มีประสิทธิภาพสูงสุดตามที่ต้องการ กำลังทำให้เกิดการแข่งขันด้านสงครามทางอากาศขึ้นในเอเชีย เพื่อหาทางรับมือกับการ “ขยายอำนาจ” ของฝ่ายจีน วันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวแห่งเดียวกันนี้ได้นำภาพ J-20 ขึ้นทดลองบินออกเผยแพร่มาครั้งหนึ่งโดยมิได้ให้รายละเอียด แต่การเผยแพร่ภาพอีชุดหนึ่งก่อนหน้านั้นในกลางเดือน ธ.ค.2554 มีการระบุว่า เป็นการทดลองขึ้นบินครั้งที่ 53 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายในเวลาชั่วข้ามเดือน จีนได้บินทดสอบเครื่องบินล่องหนถึง 12 ครั้ง ภาพที่เผยแพร่ผ่านประชาคมออนไลน์ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ ยังแสดงให้เห็นการพลิกแพลงผาดโผนอันแคล่วคล่องว่องไว อย่างน่าประหลาดใจของ J-20 ขณะบินทดสอบเหนือน่านฟ้านครเฉิงตู (Chengdu) มณฑลเสฉวน (Sichuan) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงเดียวกันนี้กองทัพอากาศจีนยังได้บินทดสอบเครื่องบินขับไล่โจม ตี J-15 มาหลายครั้ง และ นี่คือเครื่องบินรบที่จีนเตรียมเอาไว้สำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินที่กำลัง สร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกด้วยเทคโนโลยีของตัวเองเช่นกัน เครื่องบินรบ J-15 เป็น “Su-33” เวอร์ชันของจีนที่สร้างขึ้นจากเครื่องต้นแบบที่ซื้อจากสาธารณรัฐยูเครน โดยใช้เครื่องยนต์ไอพ่น อุปกรณ์ควบคุมการบิน อุปกรณ์นำร่อง และระบบบังคับอาวุธทันสมัยซึ่งเผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีของจีนเอง นี่คือ เครื่องบินรบตระกูล Su-27/Su-30 ที่มีชื่อเสียงของค่ายโซเวียต ที่พัฒนามาต่อเนื่อง และ Su-33 เป็นรุ่นดัดแปลงให้สามารถขึ้นลงในระยะทางสั้นๆ ได้ และ มีปีกที่พับได้สำหรับประจำเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซียในปัจจุบัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่า ประชาคมระหว่างประเทศกำลัง “รู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข” กับการเสริมสร้างกำลังรบของจีน รวมทั้งการค่ำบาตรต่ออิหร่านของโลกตะวันตกได้ทำให้หลายประเทศทั้งในเอเชีย และตะวันออกกลางต้องทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างเสริมกำลังทางอากาศของตนเอง “กำลังมีการเน้นเป็นอย่างมากในเรื่อง.. เครื่องบินรบกับสิ่งต่างๆ ที่ใช้กับเครื่องบิน -- ขีปนาวุธ ลูกระเบิด อากาศยานสนับสนุน เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าทางอากาศ เครื่องบินเติมน้ำมันกับสิ่งอื่นๆ ในเรื่องเหล่านี้” รอยเตอร์อ้างคำพูดของนายซีโมน วีซแมน (Siemone Wezeman) นักวิจัยอาวุโสด้านการซื้อขายอาวุธแห่งสถาบันวิจัยสันติสุขระหว่างประเทศ แห่งกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เดือน ธ.ค.2554 ญี่ปุ่นประกาศทุ่มเงินมหาศาล 7,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ F-35 เครื่องบินรบทันสมัยล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ใช้เทคโนโลยีสเตลธ์ จำนวน 42 ลำ และเชื่อว่า เกาหลีใต้ก็กำลังจะเดินตามรอยเดียวกัน อันเป็นผลโดยตรงจากการพัฒนากำลังทางอากาศของจีน เดือน ม.ค.เกาหลีได้เชิญผู้แทนบริษัท ล็อกฮีดมาร์ติน ผู้ผลิต F-35 บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรบยูโรไฟเตอร์ และ ค่ายบริษัทโบอิ้งสหรัฐฯ เข้าเสนอรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งราคาของ “เครื่องบินรบก้าวหน้า” จำนวน 60 ลำ ที่คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ ขึ้นบินถี่ยิบ ประชาคมออนไลน์
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
บริษัทเหล่านี้กำลังชายตามองไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวต เช่นกัน รอยเตอร์กล่าว ส่วนอินเดียที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาข้ามศตวรรษกับจีน ปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ประกาศซื้อเครื่องบินรบราฟาล (Rafale) รวดเดียว 179 ลำ ผู้ผลิตในฝรั่งเศส กล่าวว่า ราฟาลเหนือกว่า F-18 กับ F-16 ของค่ายสหรัฐฯ ในทุกทาง แต่ขณะเดียวกันอินเดียยังเจรจาขอซื้อเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้ากับเครื่อง บินเติมน้ำมันกลางอากาศจากสหรัฐฯ เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง และในอนาคตอินเดียอาจเป็นลูกค้า F-35 ที่สหรัฐฯ จะต้องให้ความสำคัญอีกรายหนึ่ง ส่วนในเวียดนามยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าปัจจุบันได้รับมอบเครื่อง บินรบ Su-30MK2 ไปทั้งหมดกี่ลำ ขณะที่สื่อในรัสเซียรายงานอ้างการเปิดเผยของผู้บริหารบริษัทซูคอยว่า เวียดนามมีแผนจัดซื้อทั้งหมด 44 ลำ และ อาจจะเปลี่ยนไปเป็น Su-35 ที่เป็นเครื่องบินรบ “ยุค 4 ++” ที่ใช้เทคโนโลยีสเตลธ์ จำนวนหนึ่งด้วย วุฒิสมาชิกชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ไปเยือนเวียดนามเดือนที่แล้วกล่าวว่า มีคนจำนวนมากในรัฐสภาที่ต้องการสนับสนุนให้สหรัฐฯ ขายอาวุธแก่เวียดนาม แต่ยังติดที่ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน แต่ในขณะเดียวกัน เวียดนามซึ่งเป็นคู่พิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ที่อยู่ใกล้จีนมากที่สุด ยังมีชื่อในบัญชีลูกค้าของเครื่องบิน T-50 “สเตลธ์” ของค่ายรัสเซีย รัสเซียก็เช่นเดียวกับจีน คือ อยู่ระหว่างการทดลองเครื่องบินรบที่ใช้เทคโนโลยีล่องหนของตน และ กองทัพอากาศรัสเซียมีแผนการที่จะนำเข้าประจำการเครื่อง T-50 PAK-FA ภายในปี 2558 นี้ นายริชาร์ด อาบูลาเฟีย (Richard Aboulafia) แห่งทีลกรู๊ป (Teal Group) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาคาดว่า จนถึงปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเครื่องบินอาจจะสูงถึง 178,000 ล้านดอลลาร์ ปีมังกรผงาดฟ้า ประชาคมออนไลน์
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
|||||
|
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000017147
คือเครื่องบินทิ้งระเบิด ความเร็วเหนือเสียงใช่เปล่าเนี่ย..^^
ใหญ่ยาวเกิน แต่ทำออกมาถือว่าเก่ง พัฒนาไวมาก ไม่รู้รีบไปเปล่า เลยไม่ค่อยสวยเท่าไร
แน่ใจว่าเป็นเครื่องบินขับไล่คครองอากาศ..เพราะมันน่าจะเป็นโจมตีมากกว่าเพราะมันใหญ่มาก55+
ทําไมลําใหญ่จัง หรือเน้นไปที่เติมเชื้อเพลิงได้เยอะๆ ภารกิจไกลๆ เช่น หมู่เกาะสแปรตลีย์
รูปร่างทั้งยาวทั้งใหญ่เกินหน้าสเตลท์ของมะกันและรัสเซีย
ทรวดทรงดูทื่อๆไม่ค่อยมีเว้ามีโค้งลงตัวสวยงามอย่างสเตลท์ของคู่แข่ง
และลำขนาดนี้คงจะยัดทานน้ำมันระเบิดระเบ้อในการบินแต่ละเที่ยว
ที่ตำหนิเขาก็เพราะอิจฉาเขาล้วนๆเลย นึกอยากจะทำได้อย่างเขาบ้างจัง
น่าจะเน้นโจมตีภาคพื้นมากกว่า ครองอากาศ