หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


หน่วยรบพิเศษหมาๆ

โดยคุณ : toeytei เมื่อวันที่ : 04/02/2012 07:22:24

แหะๅ ชื่ออาจจะเรียกแขกไปหน่อย แต่ที่จะนำเสนอวันนี้เป็นหน่วยรบพิเศษที่เกี่วพันกับหมาอย่างแยกไม่ออก

เป็นหน่วยรบพิเศษอีกหน่วยหนึ่ง ที่ไม่น่าจะมีคนรู้จักสักเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ได้มีทะเลาะเบาะแว้งกับใครเป็นประจำเฉกเช่น พวก SAS, Seal, Spetsnaz. ฯลฯ     หน่วยที่ว่านี้คือหน่วย  Sirius Sledge Patrol หน่วยรบพิเศษ สังกัดกองทัพเรือเดนนิช ซึ่งมีหน้าที่ลาดตระเวนไกลในหนึ่งในเขตแดนที่หนาวยะเยือกและร้างผู้คนที่สุด นั่นก็คือเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งอยู่ใต้อาณัติของเดนมาร์ก (นอกจากเจ้าหน้าที่หน่วยแล้ว ไม่มีคนบนเกาะเลย)

 

เช่นเดียวกับสถานที่ที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ใกล้เคียงกัน อย่างขั้วโลกเหนือและใต้  กรีนแลนด์มีทรัพยากรธรรมชาติที่ยังไม่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาใช้เป็นจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน, แร่ธาตุ, น้ำมัน  นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ต้องมีการจัดตั้งหน่วยขึ้นมาคอยลาดตระเวนตลอดเวลา ภายใต้สภาพอากาศที่เลวร้าย (เฉลี่ย -10 ต่ำสุด -57 องศาเซลเซียส) จนยากแก่การดำรงชีวิตของมนุษย์  เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีโจรส้นตีนหน้าไหนมาแอบลักลอบหาผลประโยชน์จากทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์นี้เมื่อไหร่ (แม้ว่าในปัจจุบันสภาพอากาศนั้นยังโหดเกินกว่าที่จะมีการทำเหมืองได้ แต่ก็กั๊กไว้ก่อนไม่เสียหาย รอเทคโนโลยีการทำเหมืองพัฒนาขึ้นอีกหน่อย) และเพื่อให้แน่ใจได้ว่าเจ้าหน้าที่สามารถับมือกับความกดดันมหาศาลทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจในการทำงาน  จึงต้องมีการฝึกและคัดเลือกตัวที่เข้มข้น หลักสูตรพิเศษมากมาย กว่าจะได้จำนวนผู้ที่ผ่านการคัดเลือกตัวเพียงปีละ 6 นาย เพื่อทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของเดนมาร์ก เหนือผืนดินที่ปกคลุมด้วยหิมะกว้างไกลสุดลูกหูลูกตากว่า 160,000 ตารางกิโลเมตรนี้(ความจริงหน่วยนี้ก็รับสมัครผู้หญิง เพียงแต่ยังไม่มีใครเคยสมัครเท่านั้น) เป็นระยะเวลาสองปี

 

ประวัติหน่วย

หน่วย Sirius ถือกำเนิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากฝ่ายสัมพันธมิตรระแวงว่าฝ่ายเยอรมัน อาจมาตั้งฐานทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ แรกเริ่มนั้น Sirius เป็นเพียงหน่วยอาสาสมัครเท่านั้น และข้อสันนิษฐานของฝ่ายสัมพันธมิตรก็เป็นจริง เมื่อหน่วย Sirius ไปพบสถานีตรวจการณ์สภาพอากาศของฝ่ายนาซีเยอรมัน ผลก็คือกองทัพอากาศอเมริกาจัดการบอมไม่เหลือด้วยเครื่องบินจากฐานทัพในไอซ์แลนด์

            จนปี 1950 ภายใต้บรรยากาศของสงครามเย็นที่เริ่มตั้งเค้า จึงมีการตั้งหน่วยอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ชื่อว่า  Operation Resolut และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งในปี 1953 เป็น Sirius ซึ่งเป็นชื่อของดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวหมา  

 

องกร

                บัจจุบันหน่วย Sirius จะมีเจ้าหน้าที่ประจำการราว 14 - 20 คนคอยทำหน้าที่ลาดตระเวนทางทหารชายฝั่งทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สำรวจและเก็บข้อมูลของพื้นที่ด้วย ซึ่งแต่ละคนจะประจำการเป็นระยะเวลา 26 เดือนเต็ม โดยไม่ได้กลับบ้าน (อยู่บนเกาะนั้นไปสองปีกว่า) ก่อนจะปลดประจำการ พาหนะของหน่วยนี้คือหมาลากเลื่อนนั่นเอง ซึ่งหน่วย Sirius ก็เป็นหน่วยเดียวในโลกในโลกที่ใช้หมาลากเลื่อเป็นพาหนะหลัก หมาเหล่านี้จะประจำการเป็นระยะเวลา 5 ปีก่อนจะโดนเจ้าหน้าที่นั่นแหละสอย พราะจากแก่เกินแกง ดุเกินเลี้ยง (มีเชื้อสายหมาป่า) ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องหักใจยิง เนื่องจากรักกันมาก (อยู่ด้วยกันทุกวันเป็นปีๆ)

            ตามเส้นทางที่ต้องลาดตระเวน ก็มีตัวช่วยนิดหน่อย คือมีฐานย่อยขนาดเล็กๆอยู่ตามรายทางเป็นระยะให้เจ้าหน้าที่ทีอยู่ในช่วงปฏิบัติงานลาดตระเวนได้เข้าไปซุกหัวพร้อมกับเติมซัพพลายใหม่  โดยจะมีการเอาสเบียงไปเติมในฐานย่อยๆ ล่วงหน้า (เรียกกระท่อมดีกว่า) โดยเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้อยู่ระหว่างการลาดตระเวนทางเฮลิคอปเตอร์และเรือ

            ส่วนที่ตั้งหน่วย  สำนักงาน อยู่ไหนนั้นไปเสิร์ชเอาเอง เพราะคงไม่มีใครสนใจ หาในวิกิได้ครับ (ผมเองก็ไม่สนใจ)





ความคิดเห็นที่ 1


การฝึก

            การรับสมัคร จะรับจากทหารหน่วยรบพิเศษต่างๆมาทำการฝึกคัดเลือกตัว โดยต้องมีอายุระหว่าง 20-30 ปี

การฝึกของหน่วย Sirius นั้นมีหลักสูตรพืเศษๆซึ่งหน่วยอื่นไม่ได้ฝึกกัน เพื่อตอบสนองภารกิจ หลักๆดังนี้

 

            หลักสูตรการดำรงชีพ 5 อาทิตย์

                หลักสูตรยิงปืน

                หลักสูตร วินาศกรรม

                หลักสูตรช่างกล

                หลักสูตรสื่อสาร-วิทยุ

                หลักสูตรลาดตระเวน

                หลักสูตรช่วยชีวิตฯลฯ

 

                ที่โดดเด่นและแตกต่างจากหน่วยรบพิเศษทั่วๆไปก็คือ การดำรงชีวิตในสภาพอากาศเลวร้าย

มีทั้งการฝึกล่าสัตว์ ซึ่งได้แก่วัว  musk ox หรือกระต่ายป่า  การเอาตัวรอด 5 วันโดยมีเพียงถุงยังชีพ (ไม่ใช่แบบที่แจกตอนน้ำท่วมนะครับ) ฉุกเฉินใบเดียว  นอนในหลุมหิมะซึ่งขุดโดยมีอุปกรณ์เป็นถ้วยสังกะสี  นอกจากนี้ก็มีการฝึกแช่น้ำหนาวจัดในกรณีที่เลื่อนตกทะลุแผ่นน้ำแข็ง

การช่วยชีวิตก็หลักๆก็เป็นการช่วยในสภาพอากาศแล้วร้ายเช่นกัน เช่นกรณีน้ำแข็งแตกเพื่อนตกน้ำ  ก่อนเพื่อนจะเกิดอาการ Hypothermia หรืออุณหภูมิร่างกายต่ำเกินกว่าร่างกายจะทำงานได้ (ตาย) ซึ่งก็คือประมาณ 35 องศาเซลเซียส

การที่เจ้าหน้าที่จะไม่บาดเจ็บจากการปฏิบัติงานแทบเป็นไปไม่ได้ ลมทับมีดตัวเองมั่ง เลื่อนพัง หิมะถล่ม น้ำแข็งแตก หิมะกัด  สารพัด

ภาพการฝึกเอาตัวรอด

รูปแรก การฝึกแช่น้ำในอุณหภูมิหนาวจัด

รูปสอง การฝึกช่วยชีวิตกรณีเกิดอุบัติเหตุ

รูปสาม-สี่ การฝึกล่าสัตว์ ในภาพเป็นวัวมัสออกซ์

รูปห้า การฝึกล่าสัตว 

เครดิตรูป

Louise Murray /sciencephoto.com






โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 03/02/2012 04:37:08


ความคิดเห็นที่ 2


ภารกิจ

                เจ้าหน้าที่จะออกลาดตระเวนปีละสองครั้ง โดยจะเริ่มการลาดตระเวนเมื่อน้ำแข็งเริ่มหนาพอที่จะลากเลื่อน รอบแรกประมาณเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนธันวาคม  ซึ่งช่วงนี้จะไม่มีพระอาทิตย์ขินเลยเป็นเวลาสองเดือนเต็ม ส่วนการลาดตระเวนรอบสองเริ่มประมาณปลายมกราคมซึ่งสภาพอากาศเริ่มเสถียรและพระอาทิตย์ขึ้นให้เห็นหน้าเห็นตาและไปจบเอาตอนมิถุนายน หลังจากมิถุนายนแผ่นน้ำแข็งตามชายฝั่งจะเริ่มละลายและทำให้ไม่สามารถเดินทางได้

                การลาดตระเวนจะทำกันเป็นคู่ๆ มีทั้งหมดหกทีม โดยคู่หนึ่งมีเลื่อนอันนึงกับหมา 13-14 ตัวทำหน้าที่ลากเลื่อนประกอบกันเป็นทีม ซึ่งหากเข้าคู่กันไม่ได้ก็ซวยเพราะต้องอยู่ด้วยกันไปหลายเดือนโดยไม่พบเห็นมนุษย์ที่ไหนอีกเลย ดังนั้นการทดสอบทางจิตวิทยาก็เป็นอีกบททดสอบที่มีความสำคัญในกระบวนการคัดเลือก

ช่วงที่ว่างใช้เวลาเอาเบียงไปหย่อนตามรายทางไว้ล่วงหน้าสำหรับตอนหน้าหนาว

            เจ้าหน้าที่ที่ชอบซิ่งๆจะตัดน้ำหนักที่เกินจำเป็นออก เช่นตัดป้ายเสื้อออก หรือตัดด้ามแปรงงสีฟันทิ้ง  ไ ม่รู้ช่วยลดน้ำหนักได้กี่กรัมกันเชียว

                เจ้าหน้าที่จะสามารถเดินทางได้ประมาณวันละ 50 กิโลเมตร ปีนึงก็จะกินระยะทางประมาณ 4 พันกว่ากิโลเมตร ต้องใช้เวลาราวห้าปีถึงจะครบ จากนั้นก็เริ่มใหม่ไปเรื่อยๆ

 

 

                ว่าด้วยเรื่องหมาๆ 

            เหตุที่ต้องใช้หมาในการลากเลื่อนทานที่จะให้รถสกีหรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นเพราะว่าหมานี่ละครับ สัตว์ที่เดินทางในพื้นที่แถบขั้วโลกได้ดีที่สุด นอกจากความอึดอดทนของหมาแล้ว หมายังเป็นตัวเตือนภัยอย่างดี เช่นเวลาโดนหมีขั้วโลกสะกดรอยเป็นต้น บางครั้งหมาก็หยุดเดินเอาดื้อๆ ที่แท้ไปหยุดอยู่ริมชะง่อนผา หากไม่ได้หมาก็คงลงไปม่องเท่งก้นเหวแล้ว

                หมาของหน่วย Sirius เป็นหมาที่ทำการคัดพันธ์พิเศษสำหรับหน่วยโดยเฉพาะ มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ หมาที่ฉลาดที่สุดจะได้ตำแหน่งหมาอัลฟ่า หรือตัวนำทีม บางทีหมานั่งอยู่เฉยๆเกิดของขึ้นกัดกันเลือดกระจาย เจ้าหน้าที่ต้องแยกออก

 

            สรุป

ถึงหน่วยรบพิเศษนี้จะไม่เหมือนหน่วยรบพิเศษทั่วไปที่เราคุ้นเคยกัน ที่ต้องแต่งชุดติดอุปกรณ์ครบครัน อาวุธไฮเทค  มียานพาหนะล้ำยุค แต่กลับชุดออกจะเชยๆเหมือนนักปีนเขามากกว่าจะเป็นทหาร เลื่อนก็ทำจากไม้ ปืนก็โคตรโบราณ (ใช้ล่าสัตว์เป็นหลัก) แต่ก็มีความอึดถึกโหดที่ไม่ธรรมดาที่หน่วยอื่นก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน

 

รูปแรก ทีมsirius ทำการลาดตระเวน

รูปสอง เต้นท์พักแรมตอนกลางคืน ขณะเกิแสงเหนือหรือออโรร่า

เคริดตรูป bbc.co.uk



โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 03/02/2012 04:40:04


ความคิดเห็นที่ 3


แล้วหมาพวกนี้มันกินอะไรครับ หมาหลายตัว ก็ต้องเพิ่มภาระคือการต้องนำเอาอาหารหมาไปด้วย เหอๆแบบนี้ไม่แย่หรอครับ

โดยคุณ securitytot เมื่อวันที่ 03/02/2012 08:21:10


ความคิดเห็นที่ 4


น่าสนใจมาก ๆ ครับ ถึงไม่ได้รบกับข้าศึก แต่ก็รบกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอ่านแล้ว ดูโหดจริง ๆ

โดยคุณ Skywalker เมื่อวันที่ 03/02/2012 09:50:39


ความคิดเห็นที่ 5


อาหารจากเดิมจะใช้พวกปลาแห้ง ไขมัน กับเนื้อ รวมกันเกือบหนึ่งกิโล ต่อหมาหนึ่งตัว ต่อวัน

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาอาหารสำเร็จสำหรับใช้กับหมาของหน่วยนี้เป็นพิเศษ เป็นอาหารแท่งอัดสำเร็จครับ ลดน้ำหนักแต่มีสารอาหารเท่าเดิม

แถมนิดนึง หมาเหล่านี้ต้องการพลังงานวันละ 5000 กิโลแคลเลอรี่ ขณะที่คนต้องการวันละ 7000 กิโลแคลเลอรี่ครับ

โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 03/02/2012 20:22:25