South Korean company Hyundai Heavy Industries (HHI) launched the first project FFX frigate, reports Korea IT Times. The ship was launched in Ulsan and obtained the name of Incheon. South Korean Navy is to use new frigate in antisubmarine warfare. According to current plans, Incheon will be completed afloat and then start half-year trials to be commissioned in mid-2013.
In all, South Korea plans to build six project FFX frigates. A $129.1-mln shipbuilding contract was signed with HHI late in 2008. Contracts for construction of second and third frigates were signed later. All six Incheon class frigates are supposed to be completed till 2015. New ships will replace nine obsolete Ulsan class frigates.
South Korean Navy plans to increase number of Incheon class frigates up to 19 till 2020. New 13 ships are supposed to replace 22 obsolete Pohang class frigates.
Displacement of Incheon class frigates makes 2,300 tons with the length of 114 meters and beam of 14 meters. The ships are capable to accelerate up to 30 knots and have operating range of 4,300 miles.
Frigate is armed with 127-mm gun Mk-45 Mod 4, 20-mm antiaircraft gun system Phalanx, air defense missile system RAM Block 1, four antiship missiles SSM-700K Hae Sung, four cruise missiles Hyunmoo-3 and torpedoes K745 LW Blue Shark. Air wing may consist of Westland Super Lynx or Sikorsky SH-60 Seahawk helicopters.
http://rusnavy.com/news/othernavies/index.php?ELEMENT_ID=12204
เกาหลีใต้ทำการปล่อยเรือลำแรกของโครงการ FFX หรือเรือฟรีเกตชั้นอินชอล โดยอู่ต่อเรือฮุนได เรือ Batch-1 จะต่อออกมาทั้สิ้น 6 ลำ ทร.เกาหลีใต้ต้องการเรือในโครงการ FFX จำนวน 19 ลำ(บางสำนักบอก 18 ลำ บางแห่งบอก 20-24 ลำ) เพื่อทดแทนเรือคอร์เวตชั้น Ulsan และ ชั้น Phohang ซึ่งมีรวมกัน 35 ลำ(บางแห่งบอกมี 37 บางแห่ง บอกมี 39ลำ ที่แน่ๆโดนเรือดำน้ำยิงจมไป 1 ลำ) โดยทำพิธีปล่อยเรือลำแรกไปเมื่อ 29 เมษา ปี 2011 ที่ผ่านมาครับ
เรือฟรีเกตชั้น อินชอล จะทะยอยต่อเข้าประจำการไปจนครบความต้องการตามแผนในปี 2020 โดย Batch-1 จะมีทั้งสิ้น 6 ลำ จะรับภาระกิจต่อต้านเรือหรือ ASW
สเปกเรือ
เรือขนาด 2300 ตัน (บางที่ก็ว่า 2200 บางที่ก็ว่า 2500) ยาว 114 เมตร กว้าง 14 เมตร ทำความเร็วได้ 30 น๊อต
ระบบอาวุธของเรือ จะใช้ปืนใหญ่เรือ MK-45 mod4 ระบบฟาลังค์ (คราวนี้มาแปลกไม่ใช้โกลคีปเปอร์) ระบบ RAM แท่นยิง MK-31 จรวดต่อต้านเรือรบ SSM-700K Hae Sung และครุยซ์มิสไซด์ Hyonmoo-3 (บางเวปบอกเป็นรุ่น 3c)
ตามภาระกิจของเรือก็น่าจะติดตั้งระบบ K-VLS ซึ่งสามารถติดตั้งระบบจรวดต่อต้านเรือดำน้ำแบบ K-ASROC ได้ ระบบนี้ทำงานโดยรวมเหมือนๆกับระบบ ASROC ของอเมริกาครับ แต่แบบเรือที่ต่อออกมาจริงกลับไม่มี K-VLS และแต่ยังคงติดตั้งแท่นยิงของครูซย์มิสไซด์ Hyonmoo-3c ที่มีระยะยิง 1500 กม.เมตร และไม่ได้ติดตั้งระบบโซน่าร์แบบข้างลำตัวเรือ ดูจากสเปกเรือก็เลยงงๆครับว่า จะเอาเรือไปใช้ในภาระกิจ ASW หรือ Land attrack กันแน่
ราคาเรือที่ต่อออกมาราคา 129 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 4000 ล้านบาท ใช้ระบบเรด้าร์ smart-s mk-2 ระบบอำนวยการรบของ Thales โซน่าร์ของ Thales เรียกว่า Thales เหมาแทบหมด ราคานี้ถือว่าไม่แพงครับ ถ้าต่อที่ประเทศตะวันตกก็น่าจะไม่น้อยกว่า 6000-7000 ล้าน ส่วนที่ Thales แทบจะเป็นผู้รับเหมาระบบตรวจจับหลัก เพราะว่า Thales ร่วมทุนกับ Sumsung ในการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาระบบอิเลคทรอนิคและระบบตรวจจับสำหรับกิจการทหารโดยเฉพาะ บริษัทนี้จริงๆต้องเรียกว่า Sumsung Thales แต่บางเวปกลับเรียก Thales เฉยๆ
น่าจะเป็น ตำแหน่ง VLS ครับ...
ขอบคุณมากครับป๋าจูล โห...เล็กจนเล่นเอางง ......5555 แบบนี้เรือชั้นนี้ก็สามารถทำทั้งภาระกิจ ASW และ Land attack ได้ ด้วยราคา 4000 ล้าน!
ขอโทษนะครับเรื่องที่จะพูดต่อไปอาจจะแรงสักหน่อย เพราะการตอบกระทู้ข้างล่างนี่…..รับกับความคิดไม่ค่อยได้
ดูจากโครงการFFXนี้ ทางเกาหลีทำงานเป็นระบบ กองทัพหาดีมานขึ้นมาโดยคำนึงถึงภัยคุกคาม ให้เอกชนภายในประเทศจัดการเรื่องการผลิตออกแบบ ระบบบางแบบถ้าทำไม่ได้ด้วยเหตุผล “ เทคโนโลยีไม่พอ” ทางเขาก็จะพยายามแก้ปัญหาโดยการให้ร่วมทุนกับบริษัทต่างประเทศชั้นนำที่มีเทคโนโลยีอยู่ในมือและมีการตลาดอยู่ในมือ แต่ประสพปัญหาต้นทุนการผลิต ไม่ใช่เทคโนโลยีไม่พอ …….. เลิก……ไม่ต้องทำ เช่น ระบบอิเลคทรอนิคและระบบตรวจจับ จะเห็นว่าเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Sumsung กับ Thales ตั้งชื่อใหม่ว่า Sumsung Thales
ทาง Thales ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต ได้เหมางานระบบอิเลคทรอนิคหลักๆทั้งหมดของเรือชุดนี้ ทางบริษัทเอกชนเกาหลีได้เทคโนโลยี เกิด “ถ่ายถอดเทคโนโลยี” ขึ้น ไอ้ที่ว่าถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรน่ะคิดใหม่น่ะครับ ทาง Sumsung ได้สาขาทางอุตสาหกรรมใหม่เจาะตลาดเซ๊กชั่นใหม่โดยมีพันธมิตรระดับ world class มาร่วมมือ แบบนี้ประเทศได้ประโยชน์ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เมื่อ 30-40 ปีก่อนเกาหลีแย่กว่าเราอีกนะครับ แต่เพราะทางเขามุ่งมั่นตั้งใจจริงและ “แก้ปัญหา” ทุกครั้งที่เจอ เขาถึงรุ่งเรืองไงครับ ส่วนทางเราน่ะเหรอ
เอะอะก็ “เทคโนโลยีไม่พอ” เอะอะก็ “บุคลากรไม่พร้อม” เอะอะก็เงินทุนไม่พอ เอะอะก็ไม่มีตลาด
สารพัดปัญหา พอเจอปัญหาถอดใจ โยนทิ้ง ไม่ทำแล้วเฟ้ยยย มันยาก ไม่อยากรับผิดชอบไม่อยากโดนด่าให้เป็นแพะรับบาป หรือไม่ก็คิดถึงผลประโยชน์ในรูปแบบเก่าๆ วิธีการเก่าๆ ก็เลยกลัวการเปลี่ยนแปลงเอาอย่างเก่านี้แหล่ะชัวร์
มาดูรูปแบบผลประโยชน์ของคนมีสีที่ทางเกาหลีหาวิธีใหม่มามั่ง ใครที่ใหญ่ระดับนายพลที่ตำแหน่งสำคัญๆพอเกษียร ก็ออกมาเป็นที่ปรึกษาแก่บริษัทที่ผลิตอาวุธ เงินเดือนเพียบ ดีลไหนที่วิ่งเต้นให้จนได้งานชิ้นโต พี่ก็ได้รับเงินค่าเหนื่อยมหาศาล ส่วนเจ้าหน้าที่รองๆลงมา ในด้านทางเทคนิคที่มีส่วนในการพัฒนาโครงการสำคัญๆมาก่อน ก็ลาออกหรือถูกทาบทามมาทำงานเป็นวิศวะระดับอาวุโส เงินเดือนสวัสดิการเพียบหลายเท่ากว่าสมัยอยู่ในกองทัพ ส่วนพวกระดับช่างเทคนิค พี่ก็ลาออกมาเป็นทำงานในบริษัทพวกนี้รวยกว่า สมองไหลหรือ ไม่ต้องห่วงเพราะคนที่ผ่านการทำงานจากกองทัพก็จะเหมือนได้ใบผ่านงานชั้นเลิศมาใช้ในการสมัครงาน ได้งานดีๆชัวร์ แค่นี้เด็กรุ่นใหม่ๆที่จบมาก็เร่าๆอยากมาทำงานในกองทัพกันเพียบ และยังไงซะบริษัทผลิตอาวุธก็ต้องทำงานร่วมกันกับกองทัพอยู่ดี ยังไงก็คนกันเองทั้งนั้นหน้าเดิมๆ แค่เปลี่ยนที่ทำงาน เงินดีขึ้นมาก นึกถึงการบินไทยสิครับ นักบินเกือบทั้งหมดมาจากไหน ช่างเครื่องช่างเทคนิคมาจากไหน ถ้าผ่านงานทัพฟ้ามาก่อนการันตีฝีมือและมีรุ่นพี่ในที่ทำงานเพียบ อย่างนี้จะได้งานรึเปล่าล่ะ
ส่วนพวกที่หัวการค้า มีทุน มีเส้นสายทั้งการเมืองและทางธุรกิจ พี่แกก็โดดมาทำธุรกิจรับช่วงอีกทอดจากบริษัทหลักๆ อาศัยคอนเน็กชั่นที่ตนเองมี พี่แกเหล่านั้นก็อาจจะกลายเป็นเสี่ยเอาได้ง่ายๆ มีเพื่อนผมคนหนึ่งร่วมทุนกับพี่ชายที่เป็นทหารอากาศมาก่อน ตั้งโรงงานกลึงโลหะ ทำบานพับด้วยเครื่องพันซ์ชิ่ง เครื่องออโต้มิลลิ่ง ทำน็อต ทำข้อต่อข้อแหว่ง วิ่งงานได้งานรถไฟใต้ดิน บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ขนาดชิ้นส่วนที่รับทำนั้นไม่ได้สลับซับซ้อนหรือเป็นชิ้นงานหลักสำคัญๆเลย พี่แกยังรวยเป็นสิบๆล้าน แล้วถ้าเป็นบริษัทรับทำชิ้นส่วนอาวุธล่ะ
ทางแก้ทางออกของปัญหาน่ะมีเสมอครับ มันอยู่ที่เราจะสู้หรือถอดใจยอมแพ้ ด้วยข้ออ้างสารพัด