หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


บทความว่าด้วยการปกป้องสถาบันฯ ครับ

โดยคุณ : joe92 เมื่อวันที่ : 15/02/2012 00:52:38

ลองอ่านกันดูครับ ถึงไม่เกี่ยวกับทหารตรงๆ แต่ก็เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติครับ 

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดอย่างไร ช่วยวิจารณ์ด้วยครับ งดการเมือง เอาแต่ด้าน กฎหมาย และวิชาการนะครับ

http://www.oknation.net/blog/Praatitdolphin/2012/01/31/entry-1

:)





ความคิดเห็นที่ 1


ในแง่กฎหมายผมไม่อยากพูดถึงครับเพราะมันตีความตามใจฉันชอบแบบใหนก็เลือกจะเชื่อแบบนั้น

ขอพูดด้านความรู้สึกส่วนตัวแล้วกันผมอยู่บนแผ่นดินนี้มาร่วมๆสามสิบปีตั้งแต่เกิดจนโตผมก็มีความสูขรู้สึกร่มเย็นมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ดูข่าวในพระราชสำนักก็รู้ปลื้มปิติและภูมิใจในความเป็นไทยไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีกฎหมายมาตรานี้อยู่ทั้งๆที่ก็มีมานานแล้ว แต่ทำไมเพิ่งจะมามีปัญหาวุ่นวายฆ่าฟันกันตอนนี้ มันไม่เกี่ยวกับกฎหมายเลยครับมันอยู่ที่คนที่เห็นแก่ตัวบางกลุ่มเท่านั้น ผมสงสัยเหลือเกินครับว่าคนที่เค้าเอาประเด็นนี้มาพูดกันนี่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เค้ารู้สึกว่าไม่มีความสูขในการเป็นคนไทยภายใต้กฎหมายเดียวกัน

 ผมเองก็เป็นประชาชนธรรมดามีอาชีพการงานทั่วๆไป แต่ก็รักชาติรักแผ่นดินและรักสถาบันแต่บังเอิญว่าตัวเองไม่ได้มีอำนาจบารมีในด้านใดที่จะทำให้ได้นอกจากตั้งใจทำหน้าที้การงาน พลเมืองและเป็นคนดีของสังคมไม่ไปเป็นภาระหรือสร้างความเดือดร้อนใดๆ เป็นส่วนเล็กๆที่ช่วยพัฒนาประเทศ(อ้อเสียภาษีทุกปีครับ)เลือกตั้งก็ไปทุกครั้งถูกใจมั่งไม่ถูกใจมั่งก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร "แล้วมันจะเดือดร้อนมีปัญหากันทำไม"

 มีเรื่องเล่านิดหน่อย เหมือนคนเราที่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อและแม่ แต่พอโตมาไปเจอคนอื่นมีแฟนรักแฟนหลงแฟน แฟนอยากได้อะไรให้เค้าหมดแต่ลืมคนที่เค้าดูแลเรามาแต่เล็กแต่น้อยลืมว่าเค้าทำอะไรให้เราบ้างลืมว่าเวลาเราทะเลาะกันเราไปหาใครเวลาเราเหนื่อยใครดูแลเรา แต่เวลาเค้าเหนื่อยละ

ผมอยากครับอยากให้บ้านเรากลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่มีที่ใหนดีเท่าบ้านเราอีกแล้ว ผมรักชาติรักสถาบันพระมหากษัตริย์และรักพ่อ ครับ ขอทุกพระองค์ทรงพระเจริญ

โดยคุณ hinnoi เมื่อวันที่ 01/02/2012 03:41:02


ความคิดเห็นที่ 2


เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากๆ ครับ มีทั้งประเด็นทางกฎหมาย ทางรัฐศาสตร์ ทางประวัติศาสตร์ ทางศีลธรรมปนๆ กันอยู่

 

ผมก็เคยพูดคุยกันในหมู่นักกฎหมาย ทุกคนมีความเห็นหลากหลาย แต่สิ่งแรกที่เห็นตรงกัน คือ การดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทบุคคลอื่น เป็นเรื่องที่ควรมีกฎหมายกำหนดให้เป็นความผิดครับ ไม่ต้องมองอื่นไกล คนธรรมดา รากหญ้า ดูหมิ่นกันเอง ก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ดังนั้น การดูหมิ่นสถาบัน (หรือพูดให้ชี้ชัดก็คือ การดูหมิ่น พระองค์ ในฐานะ บุคคลคนหนึ่ง) ก็ต้องเป็นความผิดเช่นกัน

 

ถ้ามีกฎหมายเรื่องหมิ่นประมาทรองรับอยู่แล้ว เช่นนั้น ทำไมจึงต้องมีการบัญญัติกฎหมายไว้เป็นพิเศษ ก็เพราะว่า มีเหตุผล 2 ประการ 

 

ประการแรก เนื่องจาก พระองค์ ไม่ได้มีสถานะเป็นเพียงบุคคลคนหนึ่ง แต่ยังทรงมีฐานะเป็น องค์พระประมุข และยังทรงมีสถานะเป็น สถาบัน อย่างที่เราทราบกันดี ซึ่งเป็นสถานะที่มีความสำคัญ การกระทำความผิดต่อบุคคลที่มีฐานะสำคัญนี้ จะส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง ยิ่งกว่าการกระทำผิดต่อบุคคลธรรมดา เมื่อกฎหมายเป็นกลไกหนึ่ง ที่ใช้ในการรักษาความสงบสุขของสังคม การกระทำผิดต่อบุคคลที่มีฐานะสำคัญ หรือฐานะพิเศษ ย่อมเป็นเหตุให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้นได้ เรียกว่า เหตุฉกรรจ์ ในกฎหมายอาญามาตราอื่นๆ ก็มี 

 

ประการที่สอง กฎหมายหมิ่นประมาททั่วไป เป็นความผิดต่อส่วนบุคคล หมายความว่า ผู้ที่ถูกดูหมิ่น จะต้องออกมาฟ้องร้องผู้กระทำความผิดเอง แต่การที่พระองค์มีสถานะพิเศษ เป็นข้อจำกัดที่ไม่เอื้ออำนวย ให้ พระองค์ ลงมาต่อสู้คดีในศาลเยี่ยงสามัญชนได้ หากใช้กฎหมายทั่วไป ก็จะไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับพระองค์ ในฐานะผู้เสียหายได้

 

เพราะฉะนั้น ความเห็นของผม ผมคิดว่า กฎหมายอาญามาตรานั้น มีความเหมาะสมอยู่แล้วครับ  

โดยคุณ Naris เมื่อวันที่ 01/02/2012 03:45:46


ความคิดเห็นที่ 3


ส่วนเหตุผลของผุ้สนับสนุนให้มีการยกเลิก ที่บอกว่า มาตรานี้มีขอบเขตกว้างขวางเกินไป ทำให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการริดรอนสิทธิเสรีภาพได้ง่ายนั้น

 

ส่วนตัว ผมคิดว่า นี่เป็นปัญหาการบังคับใช้ ไม่ใช่ปัญหาเพราะตัวเนื้อหาของกฎหมายเลย เพราะ ถ้าดูตัวเนื้อหาแล้ว กฎหมายมาตรานั้น ไม่ได้มีของเขตการคุ้มครองกว้างขวางไปกว่า มาตราหมิ่นประมาทคนทั่วไปตรงไหนเลย จะมีก็แต่การ แสดงความอาฆาตมาดร้าย ซึ่งถ้าเป็นบุคคลทั่วไป การแสดงอาการอย่างนั้น โดยยังไม่ได้ลงมือกระทำอะไร ก็จะยังไม่เป็นความผิด แต่ก็นั่นแหละครับ การแสดงความอาฆาตมาดร้ายนั้น ผมว่า มีความชัดเจนในตัวเองมากๆ และที่สำคัญ ที่ผ่านมา มีผู้ถูกลงโทษเพราะท่อน อาฆาตมาดร้าย นี้ด้วยหรือ ส่วนใหญ่ จะผิดเพราะท่อน หมิ่นประมาท หรือ ดูหมิ่น กันทั้งนั้น

 

ส่วนการนำไปใช้เป็นเครื่องมือริดรอนเสรีภาพนั้น ผมคิดว่า ยังไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นจริงเสียหน่อย ถ้าเราจะแก้กฎหมายสักฉบับ เพราะเหตุว่า อาจ นำไปใช้ในทางบิดผัน (Corrupts) ได้ ผมคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดและไม่มีหลักการเกินไปครับ  

โดยคุณ Naris เมื่อวันที่ 01/02/2012 04:00:01


ความคิดเห็นที่ 4


เป็นเรื่องการได้เสียของผลประโยชน์ สำหรับคนบางกลุ่มที่ต้องการปกครองคนหมู่มาก

ในสังคมความเป็นไทยที่ ผู้ใหญ่ถูกเสมอนั้น เวลามีผู้ใหญ่ทำผิด ไม่เหมาะไม่ควร

เด็กที่ไหนมันจะอยากหัวขาดบ้าง ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น

พวกนิติราษฎร์นั้นเป็นชนกลุ่มน้อยที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ พยายามที่จะปกป้องสถาบันฯ

ให้อยู่รอดต่อไปโดยมีประเทศ อังกฤษ เป็นแบบอย่าง

ส่วนพวกที่ต่อต้าน นิติราษฎร์ก็เป็นพวกอยากให้ประเทศไทยมีสถาบันฯแบบประเทศฝรั่งเศส

โดยบางพวกก็จงใจ บางพวกก็ถูกหลอก บางพวกก็เอาอารมณ์บังหน้าเอาปัญญาใส่กระเป๋า

ระหว่างลูกคนที่พยายามจะเตือนเวลาที่พ่อ,แม่ทำไม่ถูก กับ ลูกคนที่แม้จะเห็นว่าพ่อ,แม่ทำไม่ถูก

แต่บอกว่าทำดีแล้ว เหมาะแล้ว และคอยไล่ตีลูกคนอื่นๆที่พยายามเตือนพ่อ,แม่ เพื่อหวังจะเป็นคนโปรด

ลูกคนไหนรักพ่อ,แม่มากกว่ากัน

โดยคุณ viggen เมื่อวันที่ 01/02/2012 12:22:51


ความคิดเห็นที่ 5


งงอยู่นิดเดียว ไอ้ 112 นี้ใช้กันมากี่ปีแล้ว ไอ้ลูกคนดีรักพ่อรักแม่ เมื่อตนเองสะดวกจะรักขึ้นมาหรือเปล่า(ก็ตรูสะดวกช่วงนี้ ตรูอยากจะดังช่วงนี้ พึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีพ่อแม่กันเค้าด้วย รักจัดหนักซะเลย) โดยไม่สนใจพี่ๆน้องๆเค้าจะคิดไงกัน(คิดต่างก็ด่าว่าไม่มีความรู้อีก เบื่อจริงๆไอ้พวกตะแบงอวดรู้นี่) ตรูฉลาดแล้วช่วงนี้คิดว่าสิ่งนี้ดีกับพ่อแม่ ลูกโง่ๆคนอื่นๆ มันไร้หัวคิดรักพ่อแม่แบบโง่ๆมาตลอดเลย ตรูจะเปลี่ยนมันซะตอนนี้เลย โดยไม่สนใจ พี่ๆน้องๆ เค้าจะคิดยังไงกัน เค้าทำได้หรือเปล่า เค้าอยากทำตามเอ็งหรือเปล่า(แก่ๆกันทั้งนั้นไอ้พวกตัวตั้งตัวตี เรียนจบกันมาเป็นชาติแล้วพึ่งนึกได้ว่างั้น แก่ๆกันจะลงโลงอยู่แล้วยังจะมาตามกระแสกับเค้าอีก)ลูก แบบนี้มันน่าเอาขี่เค้ายัดปากให้ตายๆไป ทำให้พี่น้องทะเลาะกันแบบนี้คิดว่า พ่อแม่ จะดีใจเหรอ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มาทะเลาะกันให้ครอบครัวเราต้องเสียชื่อเสียง(ลูกคนดี มันอาจจะคิดว่าทำให้มันมีชื่อเสียงขึ้นมาก็ได้)ลากชาวบ้านเข้ามารู้ืเข้ามา เห็น เค้าคงมองว่าลูกคนนี้มารักพ่อรักแม่ของมันหลอก ไอ้พวกนี้มันคิดว่ามันอยู่ประเทศอังกฤษหรือไงนะหรือก็อ้างไปเรื่อยก็ไม่รู้ อังกฤษ เป็นแบบย่าง

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 01/02/2012 20:19:17


ความคิดเห็นที่ 6


นาย potmon นายใช้คำว่า *ไอ้112* ใด้อย่างไร เพราะนี่เป็นกลไกลปกป้องสถาบัน นายกลับใช้คำว่า *ไอ้* ถือใด้ว่านายเป็นผู้นึงที่คิดจะหมิ่นสถาบันลยนะครับ 

กฎหมายอาญา มาตรา 112  กรุณาเรียกให้ถูก 

โดยคุณ fantom เมื่อวันที่ 02/02/2012 01:56:41


ความคิดเห็นที่ 7


อย่าให้ใครนำสถาบันมาแอบอ้าง เชิงพระเดช จะทำให้ไม่ดีต่อสถาบัน

ม.112 ยังมีจุดอ่อนอยู่ที่ ใครก็ฟ้องร้องได้ จนต่างประเทศรับไม่ไหวในการตัดสิน...มันไปกระทบ สิทธิเสรีภาพ....

ดีที่อเมริกาตอนนี้ยังไม่ออกตัวมาก เพราะผลประโยชน์ในไทยยังมีอีกเยอะ....

โดยคุณ tks เมื่อวันที่ 02/02/2012 02:34:57


ความคิดเห็นที่ 8


ถ้าจะเรียกให้ถูกจริงๆ คงต้องเรียกว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ครับ เพราะกฎหมายอาญา เป็นคำที่มีความหมายกว้างกว่า (เหมือนกับคำว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญ และ รัฐธรรมนูณ ก็มีความหมายแตกต่างกันครับ)  

กลุ่มนิติราษฎร์ จะมีความคิดเช่นไร ผมก็ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ประเด็นในทางกฎหมาย ผมเห็นว่า กลุ่มนั้น เสนอหลักเกณฑ์ให้แก้ไข "บางสิ่งบางอย่าง" โดยที่เขามีความเข้าในบางสิ่งบางอย่างที่ยากจะแก้ไขนั้นอย่างไม่ถ่องแท้ ก็เลยทำให้เกิดปัญหาขึ้น หากจะประกาศตนว่า มีความรักในสิ่งนั้นๆ ก็น่าจะศึกษาสิ่งนั้นให้ดีก่อนสิครับ

อย่าลืมนะครับว่า ในข้อเสนอของเขา มีข้อเสนอที่ว่า "ให้ทหารสามารถปฏิเสธคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้ด้วย ถ้าเห็นว่า คำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ขัดต่อมนุยธรรม" ในฐานะทหาร ท่านคิดว่า หากรับธรรมนูณมีข้อบัญญัติเช่นนี้ กองทัพไทยจะเป็นอย่างไร ? (จริงๆสนทนาในบอร์ดนี้ น่าจะชวนคุยประเด็นนี้มากกว่าประเด็นมาตรา 112 อีกนะครับผมว่า)

จากข้อเท็จจริงที่ผ่านมา มีครั้งใดที่มีคนถูกจับเพราะ "วิจารณ์" สถาบันพระมหากษัตริย์บ้าง แม้แต่คนที่วิจารณษทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงว่า ไม่ดี ปฏิบัติไม่ได้ ก็ไม่ได้รับโทษหรือมีใครไปว่าเขาแต่อย่างใด ผมคิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเปิดกว้างมากๆอยู่แล้ว ขอเป็นเพียงการวิจารณ์ที่มีหลักเกณฑ์ที่ดี ตั้งอยู่บนพื้นฐานความหวังดีต่อกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเอง ก้เคยทรงมีพระราชดำรัสว่า พระมหากษัตริย์ก้เป็นคน เมื่อเป็นคนก็ย่อมทำผิดได้ ถ้าพูดว่า Knig can do no wrong ก็เท่ากับบอกว่า กษัตริย์ไม่ใช่คน เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เคยทรงมีพระราชดำรัสไว้ แสดงให้เห็นว่า พระองค์ก็ทรงเปิดกว้างอยู่มากๆ   

อีกอย่าง กฎหมายเป็นกลไกหนึ่งในการรักษาความสงบของสังคม เพราะฉะนั้น การจะพิจารณาว่า สังคมใดควรมีกฎหมายอะไรอยู่บ้าง ก็จะต้องดูจากสภาพความเป็นจริงในสังคมนั้นๆ เป็นหลักในการพิจารณา ไม่ใช่คิดเเอง ว่า ข้อนั้นควรมี ข้อนี้ควรยุบเลิก จริงไหมครับ

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ สิ่งที่เป็นจริงอย่ในทุกวันนี้ ปัญหาที่เราวิตกกังวลกัน เป็นปัญหาจากการวิจารณ์หรือครับ ลองมองอย่างเป็นธรรมดูก็จะรู้ได้ แทบจะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ผมว่าท่านทั้งหลายทราบดี ว่าเรื่องที่ไม่เหมาะสมนั้น เขาพูดอะไรกันบ้าง ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ท่านยังเสนอให้เอา "เกราะ" ที่ทำหน้าที่คุ้มครองพระองค์ออก แต่ท่านกล่าวว่าท่าน "รักพระองค์"

ของอย่างนี้ใครไม่เห็นว่าขัดกันเองก็แปลกแล้วครับ  

โดยคุณ Naris เมื่อวันที่ 02/02/2012 04:18:32


ความคิดเห็นที่ 9


เรื่องนี้มันมีหลายแง่มุมครับ แต่หลักๆมันเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆครับ

ผมไม่แน่ใจว่าประเทศที่ปกครองด้วนระบอบแบบเดียวกับประเทศไทย

อย่างประเทศ อังกฤษ เขามีกฏหมายเรื่องนี้ แล้วนิยามของกฏหมาย

ของเขาเป็นอย่างไร มีใครมีข้อมูลลองเปรียบเทียบได้ไหมครับ เพื่อ

เป็นความรู้ครับ ถ้าเสิร์ชหาส่วนมากเป็นภาษา อังกฤษ ไม่ไหวจะ

เปิด พจนานุกรม

รักหรือไม่รักเคารพหรือไม่เคารพมันก็อยู่ที่สำนึกของบุคคลนั้นที่

จะกระทำ ส่วนตัวผมถ้าเราขาดสถาบันหลักไปเราก็ไม่ต่างจากพวก

ลืมกำพืดตัวเอง ลืมรากเหง้าของตนเอง ลืมบรรพบุรุษ ของตนเอง

วัฒนธรรมของเรา เราคือคนเอเชียไม่ใช่คนอเมริกา ยุโรป อแฟริกา

วัฒนธรรมของเรามีเอกลักษณฉะเพาะตัว ให้ความเคารพผู้อาวุโส

ไม่ใช่ไม่ต้องการ การพัฒนาแต่การพัฒนามันต้องอยู่บนพื้นฐานของ

ความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนในประเทศทั้งประเทศ ไม่ใช่กระจุก

อยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

สถาบันคือที่ยึดเหนี่ยวจิตรใจและจิตรวิญญาณของผู้คนที่อยู่ใน

ประเทศนี้ใครที่คิดทำร้ายสถาบันก็เท่ากับเนรคุณ กฏหมายที่ออก

มาต้องจัดเจนไม่คลุมเคลือ การวิจารย์ทำได้แต้ต้องไม่ใส่ร้าย

อาฆาตมาตรร้าย ใช้หลักเหตุและผลเป็นตัวนำ

ถามว่าสมควรแก้ไหมถ้าแก้แล้วมีความชัดเจนในการบังคับใช้

ไม่คลุมเคลือ หรือแก้เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็

ควรแก้ แต่ถ้าแก้แล้วยังคลุมเคลือเหมือนเดิม จะแก้ไปทำไม

เพราะถ้าแก้แล้วยังไม่ชัดเจน อีกสักพักก็มีคนมาแก้อีก คัดค้าน

อีกวุ่นวายเปล่าๆแทนที่จะเดินหน้าไปได้ก็มีแต่ถอยหลังลงคลอง

ที่สำคัญอย่าเอาประชาชนที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาเป็นเหตุหรือ

ข้ออ้างในการแก้ไข คนที่จะแก้ไขต้องจริงใจ อย่าหมกเม็ด

จบบ่นมากไปล่ะ

โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 02/02/2012 04:38:12


ความคิดเห็นที่ 10


ตอบคุณ : fantom 

 

อารมณ์ ตอนนั้นมันขึ้นอะครับ ส่วนที่ผมเขียนว่า ไอ้ 112 อะครับ ไอ้ เขียนแทน มาตรา มันก็น่าจะไม่มีปัญหาหลอกเพราะมันเป็นชื่อเรียกเท่านั้น  จะว่าไม่เคารพสถาบันด้วยเรื่องแค่นี้ ถ้ากฎหมายตอนนี้ไม่ดีอย่างที่ นิติราดบอก ผมคงโดนเชิญตัวไปโรงพักแล้ว ผมว่าผมยังดีกว่าพวกที่ อ้างประโยคสวยหรู ตะแบงทำตัวเป็นคนดี แต่ใจมันคิดชั่ว ไม่คิดจะทำตามขั้นตอนทำตามลำดับ โดยไม่สนใจใคร(เพราะตรูอยากทำตอนนี้ตรูไม่รอหลอกไอ้ขบวนการไทย ตรูสร้างกระแสต่อต้านกดดันมันเลยซะใจดี สนใจทำไมความรู้สึกชาวบ้าน ดีตรูจะได้ดังด้วยจุดประสงค์หลักตรูเลย) หรือนำเจตนาร้ายของตนมาเจือปนกับเหตุการณ์นี้ อ้างเหตุผลสวยหรูมากมาย แถมสร้างแรงกดดันโดยนำพวกไม่มีหัวคิดมาเป็นแนวร่วมสร้างความแตกแยกอีกเอาคน นอกมาเพิ่มแรงกดดันกับครอบครัวตัวเอง หาเรื่องมาชวนพี่ๆน้องๆในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันอีก(ทั่งที่เดิมบ้านเราก็ ทะเลาะกันหนักอยู่แล้ว) พ่อแม่บ้านนี้คงปลื้มปิติกับลูกคนนี้ได้หลอก(ไอ้ลูกเวร) สุดท้าย ถามไอ้พวกนิติราดตัวนำๆคำเดียว เรียนจบกันมากี่ปีแล้วทำไมพึ่งมาเป็นอัจฉระยิเอาตอนนี้ แล้วทำไมไม่ทำตามขบวนการขั้นตอนในการแก้กฎหมาย แต่กลับมาสร้างกระแสต่อต้าน ปลุกระดม สร้างแรงกดดันในสังคม สร้างความแตกแยก เพื่อให้วัตถุประสงค์ของพวกตนสำเร็จ(ผมเชื่อว่าคนจริงใจก็มี คนไม่จริงใจก็เยอะ) พวกคุณทำแบบนี้มันถูกต้องเหรอ ส่วนพวกนิติเกรียน ถามจริงๆพวกเอ็งตอนเรียนผ่านมาตรา 112 นี้อะเคยมีความคิดค้านกับเรื่องนี้ไหม เคยประท้วง มาตรา 112 เองไหม(เอ็งตัวคนเดียวเลยตอนเอ็งเรียนอะ หรือตอนทำงาน เพราะไม่เห็นด้วยจริงๆแล้วดำเนินการเลยในขณะที่อ่านเจอมาตรานี้ อะมีไหม เคยคิดด้วยตัวเองไหมครับ ไม่ใช่เอ็งมามั่วโชว์ภูมิว่าข้าเก่งข้ามีความรู้ืตะแบงตามกระแสเค้าไป) สุดท้ายถ้าฝ่ายตุลการมีความน่าเชื่อถือจริงๆ ขบวนการพิสูจน์ทราบเที่ยวตรง ไม่มีความจำเป็นต้องแก้มาตรา 112 เลย แต่สิ่งที่นิติราดมาใช้อ้างกัน เพราะไม่เชื่อมั่นในระบบยุติธรรมบ้านเรา ถ้ายังไปบ้าจี้ตามมันอีก คงต้องแก้กฎหมายทั้งฉบับอะมันถึงจะพอใจ

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 02/02/2012 11:32:09


ความคิดเห็นที่ 11


ถ้อยคำอาจจะแรงไปบ้างแต่ผมก็เห็นด้วยกับคุญpotmonนะครับความจริง กมมาตรา112(รวมทั้งหลายๆมาตรา)มีวิธีการอุดช่องว่างโดยอาศัยคำพิพากษาฎีกาที่เคยตัดสินไปแล้วกับกม มาตราอื่นๆมาเทียบเคียงใช้ใด้ซึ่งศาลสามารถใช้ดุลพินิจเองได้อีกเพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นต้องแก้ใขเพิ่มเติมเลยครับเหตุที่กฎหมายฉบับนี้(รวมทั้งกฎหมายทุกๆข้อไม่เชื่อไปเปิดประมวลดูเลยครับว่ามีกฏหมายข้อใหนที่เขียนไว้ชัดๆไม่กำกวมบ้าง)เพราะเป็นการเปิดทางให้ศาลสามารถใช้ดุลพินิจปรับใช้ให้เข้ากับสภาวะสมัยได้ไม่งั้นก็คงต้องมานั่งแก้กันบ่อยๆอีกทั้งในทางพิจรณาก็ยังมีกฏหมายวิธีพิจรณาความเป็นตัวช่วยอีก ความจริงในข้อนี้นักกฏหมายเองน่าจะเข้าใจเหตุผลดีอยู่แล้วถ้าไม่มีเรื่องอื่นมาบวกเพิ่ม

 เอ ว่าจะไม่พูดเรื่องข้อกม แล้วนะแต่มันอดไม่ได้จริงๆ

โดยคุณ hinnoi เมื่อวันที่ 02/02/2012 12:12:47


ความคิดเห็นที่ 12


อีกเรื่องนึง เห็นมีท่านนึงกล่างถึงการตักเตือนพ่อแม่เมื่อท่านทำผิด ไม่ทราบว่าเป็นกรณีใหนหรือครับหรือแค่กล่าวลอยๆอุปมาอุปมัยเท่านั้น ผมอยากจะบอกว่าตามรัฐธรรมนูญนั้นพระมหากษัตริย์ถูกจำกัดพระราชอำนาจไว้ตามกฏหมายอยู่แล้ว(หลักสากลครับ)ส่วนพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ก็มีกฏมนเทียรบาลภายในซึ่งไม่อาจก้าวล่วงได้(ซึ่งก็เป็นเรื่องส่วนพระองค์) กล่าวถึงการใช้พระราชอำนาจตามกฏหมายก็จะต้องผ่านรัฐสภาเพราะฉะนั้นหากจะมีข้อผิดพลาดรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากเป็นผู้แทนซึ่งหมายถึงการพิจราณาโดยรัฐสภาแล้วอีกที(ที่เรียกว่าการสนองพระราชโองการซึ่งจะทำหร์อไม่ก็ขึ้นอยู่ตามวามเเหมาะสมที่รัฐสภาจะพิจรณา อีกทั้งยังมีองค์มนตรีเป็นทั้งที่ปรึกษาส่วนพระองค์ เพราะเหตุการถูกจำกัดพระราชอำนาจไว้เช่นนี้จึงมีคำฝรั่งKing can do no wrong เป็นการเปรียบเทียบเปรียบเปลยดังเช่นที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสไว้ เพีงเท่านั้น

โดยคุณ hinnoi เมื่อวันที่ 02/02/2012 12:42:50


ความคิดเห็นที่ 13


คนเรา ถ้าเป็นปัญญาชนทั่วไปก็จะเเยกเเยะออกเองว่าอะไรควรพูดไม่ควร พูด กฎหมายหมิ่นประมาท ก็มีหลัก ว่าพูดอย่างไรถึงจะเป็นหมิ่นประมาท เเต่ถ้าเป็นเรื่องมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ บัญญัติขึ้นเพื่อเอาผิดคนที่ หมิ่นเบื้องสูง ซึ่งถ้าใครเกิดมา ทันยุคนี้ เเละพ่อเเม่ เกิดมาทันตอนที่ ในหลวงท่าน ยังทรงงาน คล่องเเคล่วอยู่ก็น่าจะพอรู็ว่าท่าน ได้ทำไทยอะไรเพื่อประเทศเราบ้าง มากมายเพียงใด คนบางคน หรือ หลายคนที่ ต้องโทษ ตามาตรา 112 อาจจะมีทั้งคนที่จงใจกระทำผิด หรือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ (เเต่ถ้ามีสติปัญญาพอคงไม่ทำ) ก็คงต้องรับโทษตามกฎหมายไป  คำ คำนึง ทีอาจารย์วิชากฎหมาย สอนอยู่เสมอ คือ เมื่อบุคคลได้กระทำผิด จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ กฎหมายมีมานาน ถ้าคนดีๆกัน ก็ไม่มีใครเค้าทำผิดกัน ถ้าหากมีปัญหามีสติอยู่เสมอ ถ้าหากจะเเก้มาตรา 112 เพราะบอกว่า ตัวบทมันคลุมเครือ ใครก็ฟ้องได้ มันหนักเกินไป ผมเห็นว่า ไม่ควรเเก้อย่างยิ่ง ผมยังขัน กับ คำว่า "เสรีภาพทถกตารางนิ้ว"    เพราะตั้งเเต่ผมเกิดมาจนโต ยังไม่เคย ต้องโทษอาญามาตราไหนเลย ทั้งที่ประเทศนี้ให้เสรีภาพตั้งมากมาย เพราะผมไม่เคยคิดจะทำความผิดนั้นๆ ก็มีเเต่คนที่ทำความผิดเท่านั้น ที่อยากจะเเก้กฎหมาย เพื่อให้ตัวเองกระทำความผิดได้อย่างถูกกฎหมาย คนดีๆ ที่ไหนจะมาทำ เเละกลุ่มนิติราษฎ์ กำลังจุดประเด็นให้เกิดความเเตกเเยกขึ้นในสังคม หากยังไม่หยุด  อาจเกิดความขัดเเย้งในสังคมขึ้นได้ เพราะคนในประเทศต้องกลายเป็นเรื่องของ คน 2กลุ่มที่คิดไม่ตรงกัน คุยกันคนละเรื่องเดียวกัน  

         ผมขอสรุปตามความเห็นส่วนตัวของผมว่า ไม่ควรเเก้เเละหนักไปกว่านั้นไม่ควรยกเลิก   คิดหรือว่าการเเก้หรือยกเลิกจะทำให้การ หมิ่นเบื้องสูงลดลง กลับกันเลย มีเเต่จะยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะการมีกฎหมาย ก็จะเเบ่งคนกระทำผิดออกมาให้ชัดเจนขึ้น ให้รู็ว่ามีการกระทำผิด เเล้วถ้าหาก เเก้ หรือ ยกเลิกไปละ คนเหล่านี้จะกระทำผิดโดยที่ไม่ผิดกฎมหาย ทำโดยไม่ชัดเจนในสังคมว่าผิด ทำโดยคนทั่วไปไม่รู็ว่ามีการทำผิด ยกตัวอย่างง่ายๆ หาก มีคนมาด่าพ่อเเม่ผม เสียๆหาย ไม่รู็ว่าเขาไปรู้อะไรมากจากไหน  ด่าเเล้วด่าอีก โดย ที่ผมไม่สามารถ ทำอะไรกับคนๆ นั้น หรือดำเนินคดีเค้าได้เลย (ถ้าคนที่เรียนกฎหมายจะรู้ ว่าด่าเเบบไหน เป็นหมิ่น ไม่เป็นหมิ่น)

เเล้วผมจะทำยังไง ??? 1.ปล่อยให้มันด่าต่อไป 2.กระโดดชกปากมัน 3.ถ้าหากว่ารู้ว่าจะมีการยกเลิกหรือเเก้กฎหมายนั้นๆ ผมจะต่อต้านการกระทำนั้นๆ

ส่วน The king can do no wrong หากใครเรียนกฎหมายหมาชน จะเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ผมก็เคยฟังอาจารย์บรรยายมาบ้าง  ประโยคนี้ เเปลตามตัวเลย เเต่ที่เป็นประเด็นทางสังคม คือ คนของ king ก็จะคิดว่าตัวเองทำอะไรก็จะไม่ผิดด้วย จนทำให้เกิดการกระทำผิดหนักขึ้น จนประชาชนออกมา ต่อต้าน จนเกิดการเปลี่ยนเเปลง ฝรั่งเศษหรืออังกฎษไม่รู้ เเต่พวกที่หมิ่น ก็เอาหลักการนี้ มาเคลื่อนไหวอยู่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องของ ผลประโยชน์เเละการเมืองล้วนๆ ชัดเจน

 

  อื้ม อยากฝากอะไรไว้นะครับ คนเราเกิดมาเเล้วใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะความ อยู่กับคนที่เรารัก อยู่กับงานที่เราทำ เดินในทางของเรา ทางที่ถูกต้องที่ดีงาม อย่าให้ใครมาจูงจมูกเราเดินเลย เเค่นี้ชีวิตเราก็มีความเเล้วเเละครับ

โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 02/02/2012 15:40:08


ความคิดเห็นที่ 14


อยู่กับคนที่เรารัก อยู่งานที่เราทำ เดินในทางของเราในทางที่ดีงาม อย่าให้ใครจูงจมูก

ผมชอบประโยคนี้จังครับท่าน Toey

 

โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 02/02/2012 19:44:02


ความคิดเห็นที่ 15


อย่างที่ท่าน ALPHA001 พูดมาผมคิดว่าถูกนะครับที่ว่า *รักหรือไม่รักเคารพหรือไม่เคารพมันก็อยู่ที่สำนึกของบุคคลนั้นที่

จะกระทำ*

แต่ กฏหมายตราขึ้นมาเพื่อให้ เคารพและปฏิบัติตาม และยิ่งเกี่ยวกับสถาบันแล้วด้วยถือใด้ว่ามีความสำคัญในการให้ความคุ้มครอง สถาบันที่ประชาชนคนไทยรักยิ่ง

ถ้ารักสถาบันจริง ก็ควรเคารพทุกๆสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน มิใช่ปากว่ารักสถาบันแล้วลับหลังใช้อารมณ์ ดูถูก/ดูหมิ่น/ดูแคลน/ แล้วแก้ตัวว่าตัวเองยังทำถูกต้องอยู่ ผู้ใดสนับสนุนก็ถือว่าผิดเช่นกัน 

ถ้าไม่เช่นนั้น คนอื่นๆก็จะเอาไปเป็นเยี่ยงอย่างใด้ ไอ้..รั...นูญ /ไอ้ฏี...า/ไอ้ ตรา...กำหนด/อื่นๆ ฯลฯ ที่จะใช้คำพูดที่ไม่ควรต่อไปอีก

กฏหมายมีใว้ให้เคารพ และปฏิบัติตาม มันอยู่ที่จิตรสำนึกของแต่ละบุคคล ที่จะเต็มใจปฏิบัติตามหรือไม่/อย่างไร...?

โดยคุณ fantom เมื่อวันที่ 02/02/2012 22:33:51


ความคิดเห็นที่ 16


ใครไม่รักไม่เคารพพ่อผมผมไม่สนใจครับ แต่ถ้าใครมาด่าพ่อผมคงโดนชกปากกันบ้าง

โดยคุณ Artany เมื่อวันที่ 14/02/2012 13:52:38