นนี้อาจจะอัพอะไรที่มันแปลกๆไปจากทุกๆทีเพราะวันนี้ผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับ
หน่วยรบทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือ Navy Seal ของไทยเรานี่แหละ
ที่จริงหลายๆคนคงรู้จักอยู่แล้วแต่วันนี้ผมอารมณ์ขึ้นอย่างมากหลังจากได้เจอพวกเค้าและ
ได้ฟังเรื่องของพวกเค้าที่รู้สึกน้อยใจเล็กๆว่าทำไมคนอย่างพวกเค้า"ไม่เคยได้รับอะไรจากประเทศชาติเลย"
พวกเค้าเหนื่อยแทบตาบ เสี่ยงชีวิตแทบตาย ยศก็น้อยนิด เงินเดือนก็แค่พอประทังชีวิต
ทำงานเพื่อนชาติ แต่ไม่เคยได้รับอะไรเลยทั้งๆที่พวกเค้ามีความสามารถมากขนาดนั้น
ผมเชื่อว่าถ้ามีคนแบบพวกเค้าสัก100คนทำสิ่งที่รุนแรงขึ้นมาก็สามารถทำให้ประเทศเรา
เกิลการโกลาหลได้ในทันที เพราะพวกเค้าไม่ธรรมดาอย่างมาก
ผมชอบประโยคที่พวกเค้าพูดกันบ่อยๆ ดังนี้
"พวกกูป้องกันประเทศเพื่อให้พวกอยู่อย่างสงบสุขไม้ใช่ให้พวกได้ทะเลาะกันอย่างสงบ"
"พวกกูมีหน้าที่ป้องกันประเทศไม่ใช่มีหน้าที่ไว้ปฏิวัติยึดอำนาจจากประชาชน"
"พวกกูถูกฝึกมาเพื่อรบไม่ใช่มีหน้าที่ไปดูแลคุณหนู คุณนาย ของพวกผู้ที่มีเครดิตทางสังคม"
"พวกกุฝึกกันแทบตายแต่กลับมาใช้กุเป็นแค่คนขับรถของพวกคนยศสูงๆแค่นี้เหรอ"
และอีกมากมายที่ผมไม่สามารถพิมพ์ลงไปได้เพราะอาจมีปัญหาตามมาเพราะมีการพาดพิง
ถึงบุคคลชั้นสูงมากๆ(คงจะรู้นะ)
เอาหล่ะมาถึงจุดนี้คงจะอยากรู้แล้วสินะว่าพวกเค้าจะแน่สักแค่ไหน ลองไปดูการฝึกของพวกเค้ากัน
ฝึกด้วยการแช่น้ำเย็นจัด-10องศาเซลเซียต
แช่น้ำตอนกลางคืนตื่นเช้ามาก็วิ่งแบกเรือยางอีก4ไมล์ เรือยางนั้นหนัก100กว่าโลนะ
แบกเรือไม่พอต้องแบกไม้พายอีก
ฝึกเช้ายันเย็นกันเลยทีเดียวไม่มีหยุด
ตกดึกก็ยังฝึกอยู่แต่เปลี่ยนมาเป็นแบบซุงท่อนใหญ่ๆ
หากใครที่ไม่ไหว ใจไม่สู้ สามารถมาสั่นระฆังลาออกได้สามารถมาสั่นได้ตลอด24ช.ม.
ต่อไปเป็นการว่ายน้ำรอบเกาะโดยไม่ใช้มือ (ทำได้ไง)
หลังจากมัดเสร็จก็จะมีเครื่องส่งตัวลงน้ำโดยระบบอัตโนมัติ
มีการดูแลแบบคนต่อคนเพื่อป้องกันการเสียชีวิต (แต่ในการฝึกไม่ใช่ว่าไม่มีคนตายนะ มีครับ!!!)
เรือยางนี่คือชีวิตของนักจู่โจมใต้น้ำ ไปไหนต้องเอาไปด้วย
ต่อไปเป็นการวิ่งเพื่อชีวิต เพราะขืนไม่วิ่งมีเนื้อกระจุย (ที่เห็นส่งให้กันคือระเบิดC4)
ก็อย่างที่เห็นถ้าไม่วิ่งมีกระจุย (คนเหล่านี้สามารถวิ่ง1ไมล์ได้ภายใน3นาที)
แม้แต่ช่างภาพก็ยังต้องเสี่ยงตายกับเขาด้วย
สรุปคือรอดหมด
สภาพแต่ละคนก็อย่างที่เห็น
อย่าคิดว่าแข็งแกร่งแค่ร่างกายจะรอด จิตใจก็ด้วยนะ ต่อไปเป็นการทดสอบจิตใจ
ที่เห็นคือศพจริงๆครับ คือเค้าจะเอาจดหมายซ่อนไว้ในศพแล้วให้แต่ละคนเข้าป่าช้าไปคนเดียว
แล้วก็อ่านข้อความนั้น จากนั้นวิ่งกลับมาอ่านข้อความข้างในให้ครูฝึกกัน
อันนี้เป็นการฝึกเดินในโคลนดูด
โคลนมันคงจะดูดจริงๆนั้นแหละ
หน้าแต่ละคนประมาณว่า....
ต่อไปเป็นการฝึกต่อการ ทรมาน ในกรณีที่ถูกจับเป็น เชลย
รอยสักแบบนี้คงไม่น่าดูสักเท่าไหร่
อันนี้คือให้เพื่อนทรมานกันเอง
ที่เห็นคือกัดหัวงูเป็นๆครับ เป็นการฝึกการดำรงชีพในป่า
รูปข้างล่างเรียกว่าท่า โหม่งโลก เป็นการฝึกความแข็งแรงของกะโหลก
*เกร็ดความรู้ ส่วนที่แข็งที่สุดของหัวคือหน้าผาก ส่วนที่อ่อนที่สุดของหัวคือกระโหลก
ส่วนสาเหตุที่ทุบท้ายทอยแล้วสลบเพราะบริเวณนั้นมีส่วนของเส้นประสาทที่เชื่อต่อจากสมอง
ไปสู่กระดูกสันหลัง จำให้ดีนะครับส่วนที่อ่อนที่สุดของหัวคือกระโหลกไม่ใช่ท้ายท้อย*
ใครอยากลองก็ได้นะ แต่ให้ทำบนพื้นนะไม่ใช่บนเตียง
ท่านี้เรียกว่าท่า ไถนา
ท่านี้คงไม่ต้องอธิบาย
cencer 555+
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังยิ้มได้
นี่ถือเป็นการทรมานอย่างนึงนะ
น้ำที่เห็นในถังนั้นเป็น ถังขี้ ครับ ขี้ของพวกเขาเองนี่แหละ
การฝึกอันนี้เหมือนจะเท่ครับ
เท่จริงๆ แต่ร้อนมั้ย? (ไม่น่าถามเนาะ)
สุดท้าย60กว่าคน เหลือคนที่เป็นยอดมนุษย์จริงอยู่แค่นี้(ในแต่ละปีมีคนจบหลักสูตรนี้ไม่เยอะหรอกคับ)
ขอขอบคุณเวบ www.atcloud.comสำหรับรูปภาพ
หลัก สูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม(มนุษย์กบ)เป็นหลักสูตรรบพิเศษของกองทัพ เรือใช้ระยะเวลาในการฝึกตลอดหลักสูตร ๗ เดือนซึ่งถือว่าเป็นหลักสูตรการฝึกรบพิเศษที่นานที่สุดของไทย โดยแบ่งช่วงการฝึกออกเป็น ๕ ช่วงการฝึกที่สำคัญๆ
1) ช่วง แรกจะเป็นการแนะนำการฝึกและเตรียมการฝึกเบื้องต้นโดยใช้เวลาการฝึกประมาณ ๓ สัปดาห์ เป็นการแนะนำเรื่องการออกกำลังกายโดยใช้วิทยาศาตร์การกีฬา การวิ่ง,ว่ายน้ำ,แบกซุง,เรื่อยาง,เป้ทราย,ข้ามเครื่องกีดขวาง,ฯลฯ
2) ช่วงที่สองเป็นช่วงการฝึกล้วนๆ ไม่มีการแนะนำก็เป็นการฝึกอย่างที่แนะนำในช่วงแรกแหละครับใช้เวลาประมาณ ๖ สัปดาห์
3) ช่วง ที่สามเป็นช่วงสัปดาห์นรก ที่ว่านรกก็เพราะเป็นการฝึกต่อเนื่อง ๑๒๐ ชม.หรือห้าวันหกคืนโดยไม่มีการพักนอนถามว่าแล้วฝึกอะไรตั้งห้าวันหกคืนก็ฝึก อย่างที่เขาแนะนำในช่วงแรกแหละครับถ้าผ่านสัปดาห์นี้ได้ถึงจะเรี่มการเรียน
4)เป็นการเรียนความรู้ทั้งหมดที่หน่วยรบพิเศษควรจะรู้เช่น ดำน้ำ,ยิงปืน,ระเบิดทำลาย,การลาดตระเวน,ฯลฯ
ช่วงสุดท้ายเป็นช่วงการฝึกในภาคป่าภูเขาและภาคทะเลโดยใช้เวลาในการฝึกประมาณ สอง เดือนจากนั้นก็สำเร็จหลักสูตรได้รับเครื่องหมายฉลามขาวมาติดที่หน้าอกข้าง ซ้ายและได้เป็นทหารเรือก็จะได้ค่าฝ่าอันตรายในทุกๆเดือน
กว่าจะได้คนแบบพวกเค้ามา1คนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ใช้ทั้งงบประมาณและเวลาเยอะมาก
อยากให้ท่านผู้บังคับบัญชาหลายๆท่านพิจารณาให้ดีก่อนนำบุคคลเหล่านี้ไปใช้งาน
ให้เขารู้สึกภูมิใจกับงานที่เค้าทำว่า ถูกฝึกมาเพื่อสิ่งนี้
ส่วนประชาชนอย่างเราๆก็อย่าลืมนึกถึงพวกเขาซะหล่ะ
วันนี้ผมได้ทำตามสิ่งที่พวกเขาขอให้ผมทำแล้วผมแชร์ความรู้สึกของพวกเขาให้พวกคุณฟังแล้ว
แล้วคุณเข้าใจความรู้สึกของพวกเค้ามั้ย?
......................................................................................................................................................
UniGang Talk บางครั้งการที่จะเดินตามความฝัน ก็ต้องแลกด้วย ความมุมานนะอย่างสาหัส การทำสิ่งที่ไม่เคยทำการมาก่อนในชีวิต แต่เมื่อความฝันนั้นกลายเป็นความจริง สุขใดจะหาไหนปาน
from - UniGang
เนื้อจากบทความจาก เว็บ http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1544096
บอกก่อนนะครับว่าโหดสุดๆ ใครจบออกมาได้นี้คือยอดคนจริงๆ หลายๆท่านน่าจะได้เคยดูกันไปแล้วนะครับ คลิปนี้
"พวกกูป้องกันประเทศเพื่อให้พวกอยู่อย่างสงบสุขไม้ใช่ให้พวกได้ทะเลาะกันอย่างสงบ"
"พวกกูมีหน้าที่ป้องกันประเทศไม่ใช่มีหน้าที่ไว้ปฏิวัติยึดอำนาจจากประชาชน"
"พวกกูถูกฝึกมาเพื่อรบไม่ใช่มีหน้าที่ไปดูแลคุณหนู คุณนาย ของพวกผู้ที่มีเครดิตทางสังคม"
"พวกกุฝึกกันแทบตายแต่กลับมาใช้กุเป็นแค่คนขับรถของพวกคนยศสูงๆแค่นี้เหรอ"
โดนโคตร
รูปที่วิ่งเปี้ยวระเบิดไม่น่าใช่ ซีโฟร์นะครับ
เคยเห็นคลิป มันเหมือนพวกระเบิดควันมากกว่า
ขืนใช้ซีโฟร์เกิดตายขึ้นมาทำไงเนี่ย
TNT ครับ ระเบิดพลาสติกส่วนมากไม่ได้ใส่เชื้อประทุไว้ (ถึงใส่้ก็ไม่มีแบต จุดไม่ติดอยู่ดี - -)
เป็นแท่ง ๆ แบบนี้ปาหัวแมวยังไม่เป็นไรเลยครับ
แน่ใจนะครับ ว่าได้ฟังคำพูดออกมาจาก ทหารอาชีพ มิใช่ บุคคลที่มีอาชีพเป็นทหาร
ทหาร ทำงานไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทนอยู่แล้วครับ นี่ ทหารอาชีพ
ทหารที่หวัง สิ่งตอบแทนจากอาชีพ พวกนี้ มีอาชีพเป็นทหาร
ทหารไม่เคืองแค้น น้อยใจในโชคชะตาครับ นี่ ทหารอาชีพ
ทหารที่คอยแต่โชคชะตาวาสนา วิ่งหาตำแหน่ง พวกนี้ อาชีพทหาร
ถึงแม้ผมจะเป็นทหาร ที่มิเคย ผ่านหลักสูตร รบพิเศษ ใดๆ ผมเป็น ทหารอาชีพ ครับ ไม่เคยเคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
รับราชการ จากสิบตรี จนถึงปัจจุบัน มิเคย ย่อท้อน้อยใจ ด่าทอผู้บังคับบัญชา ลับหลัง มิเคยหวังสิ่งตอบแทนจากประเทศชาติ
อย่างไรก้อแล้วแต่ ถึงแม้ทหาร จะจบหลักสูตร อะไรต่างๆ มากมาย ถ้าเค้าคิดแบบ ที่เจ้าของกระทู้พูด มา ก็ เสียดายความเป็นทหารครับ พวกเค้าน่าจะเป็นได้แค่ บุคคล ที่ มีอาชีพเป็นทหาร
มิใช่ ทหารอาชีพแต่อย่างใด
ขออภัย หากความคิดของทหารแก่ๆ อย่างผมอาจคิดผิด
ด้วยความเคารพในความคิดเห็นของทุกท่าน เพียงแต่อยากบอกให้ฟังว่า ทหารอยู่ได้ด้วย วินัย หากทหารไม่มีวินัย ก้อ เปรียบเสมือน กุ้ย ดีๆ นี่เองครับ....เพราะฉะนั้น ....อยากให้ไปคิดเอาเองครับ ว่า ทหารอาชีพเค้าควร ทำตัวเยี่ยงไร....
ผมเอามาจาก เว็บ เด็กดีครับไม่ได้ว่า ด่าไครละครับอย่างที่ท่าน CAP.tom ก็พูดถูกต้องเเล้วครับพอดีว่าเห็นบทความมันหน้าสนใจก็เอามาลงละครับไม่มี เจตนาว่าด่ท้อไครละครับ
ใน 3 เหล่าทัพ ผมชอบ ทร.ที่สุดอะ เท่สุดด้วย
ผมเห็นด้วยกับท่าน CAPT.TOM ครับคนที่เป็นทหารเค้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเจอกับอะไร และส่วนใหญ่ก็เป็นด้วยใจรัก อาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีเกียรติคนที่หรือพูดในแบบบทความนี้ก็เหมือนดูถูกตัวเองลดเกียรติตัวเอง
เท่าที่ผมทราบตำแหน่งพลขับให้นาย ทหาร นี่ก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆเหมือนกันนะครับหากนายไม่ไว้ใจเชื่อมือคงไม่ได้เป็นแล้วผมก็ไม่เคยเห็นคนจบ กบ มาเป็นพลขับด้วยสิ(หรือว่ามี)
คนที่ไปฝึกหลักสูตรพิเศษต่างๆนีมันถือเป็นความใฝ่ฝันของทหารหลายๆคนมันเป็นความภมูิใจที่ไม่มีอะไรมาแลกได้การจะผ่านหลักสูตรได้ที่สำคัญที่สุดคือใจนี่หละครับคนที่ฝึกสำเร็จเค้าคงไม่มาคิดเรื่องผลประโยชน์เหล่านี้หรอก เพราะเครื่องหมายประดับนั้น "เงินมันซื้อไม่ได้ครับ"
เห็นด้วยกับท่าน CAPT.TOM ครับ ปกติพวกเราทหารเรือจะถูกสั่งสอนอบรมมาให้เป็นถ่อมตน เจียมตัว ไม่ต้องเรียกร้องความสนใจจากใคร นอกจากให้ทำดีดังตอนหนึ่งของเพลงดอกประดู่ที่เสด็จเตี่ยทรงประพันธ์ไว้ว่า "เกิดมาทั้งทีมันก็ดีอยู่แต่เมื่อเป็น อีกสามร้อยปีมันก็ไม่มีใครจะเห็น ใครจะนึกใครจะฝันเขาก็ลืมกันเหมือนตัวเล็น" ดังนั้นเราจึงพึงระลึกอยู่เสมอว่าเดี๋ยวเราก็ถูกลืม แต่ความดีที่เราสร้างไว้จะคงอยู่ต่อไป สำหรับนักทำลายใต้น้ำจู่โจมนั้น พวกเขาถูกสร้างมาให้สูญเสียได้ถ้าจำเป็น การฝึกหนักดังกล่าวเป็นการดึงขีดความสามารถสูงสุดเท่าที่มนุษย์คนนึงจะนำออกมาใช้ได้ โดยมีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เป็นแนวทาง มิใช่นึกจะทำอะไรก็ทำโดยไร้หลักการ ด้วยสำนึกว่า ในบางภารกิจที่หน่วยอื่นทำไม่ได้แล้วจึงจะเรียกใช้ให้นักทำลายใต้น้ำจู่โจมไปทำ หากพวกเขาปฏิเสธก็คงไม่มีใครมาทำตรงนี้อีก พวกเขาจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจที่แม้จะฝึกหนักเท่าใดแต่ในสถานการณ์จริง ศัตรูจริงมันก็คงไม่มีความเมตตา หรือยั้งมือเหมือนครูฝึกเป็นแน่แท้..ไม่ต้องอะไรมาก เครื่องแบบปกติกะลาสีที่จ่าและพลทหารใส่ ยังมีผ้าผูกคอดำ เป็นเครื่องเตือนใจและไว้อาลัยแก่ตนให้พึงระลึกว่า..เราพร้อมที่จะตายแล้ว..
ที่ผมเคยเห็ฯคลิป จะเป็นเหมือนระเบิดควัน ใช้สำหรับฝึก ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่จุดชนวนจริง พวสายชนวนจะหมดครูฝึกก็สั่งให้รีบโยนทิ้ง ก่อนจะระเบิดตูม แต่ไม่แรง
ที่พี่ ๆ เขาพูดแบบนั้นก็คงเพราะมันเป็นความอัดอั้นตันใจที่เก็บเอาไว้ และอยากที่จะระบายออกมาให้คนได้ทราบกันบ้าง ผมเข้าใจพี่ ๆ เขานะครับก็แค่บ่น ๆ ไม่ใช่อะไรมากมายถึงขั้นไม่ใช่ทหารอาชีพหรอกครับ พี่เขาเรียนกันมาตั้งแต่ นรจ. จนจบกบ ไม่น่าจะเป็นผู้มีอาชีพทหารอย่างเดียวหรอกรับ
ผมว่าทหารเค้าก็เป็นคนนะครับ จะคิดแบบนี้
"พวกกูป้องกันประเทศเพื่อให้พวกอยู่อย่างสงบสุขไม้ใช่ให้พวกได้ทะเลาะกันอย่างสงบ"
"พวกกูมีหน้าที่ป้องกันประเทศไม่ใช่มีหน้าที่ไว้ปฏิวัติยึดอำนาจจากประชาชน"
"พวกกูถูกฝึกมาเพื่อรบไม่ใช่มีหน้าที่ไปดูแลคุณหนู คุณนาย ของพวกผู้ที่มีเครดิตทางสังคม"
"พวกกุฝึกกันแทบตายแต่กลับมาใช้กุเป็นแค่คนขับรถของพวกคนยศสูงๆแค่นี้เหรอ"
ก็ไม่แปลก(จริงๆถ้าไม่ใช่พวกเช้าชามเย็นชาม เค้าต้องคิดกันแบบนี้ทุกคนหละ)แต่ด้วยวินัยของเค้าทำให้พูดออกมาไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ส่วนคนที่พูดออกมาอาจจากความคับข้องใจ หรือช่วงขาดสติ(ตามความเป็นจริงของโลก พวกคนกากๆเค้าไม่กล้ามีปากมีเสียงหรือขัดแย้งหลอกเพราะเค้าไม่มีความสามารถจึงได้แต่คล้อยตามเพื่อรักษาสภาพของตัวเอง แต่กับคนเก่งมีความสามารถมันต่างกัน) ก็ว่ากันไป ผมว่าทหารที่เค้ามีลูกมีหลานเค้าต้องเจอคำถามนี้แน่นอน ว่า"พ่อเป็นทหารเคยไปรบไหม ที่ไหน" ทหารไทยมีซักกี่คนที่ตอบได้ว่าเคย
งั้นผมถามหน่อยเถอะครับว่ามีใครบ้างที่คิดว่ามาเป็นทหารแล้วสบายมีใครบ้างที่คิดว่ามาเป็นทหารแล้วจะรวยหรือเพราะอยากรวย
ทุกคนเค้ารู้อยู่แล้วละครับว่าไม่ แล้วทำมัยถึงยังมีคนอยากที่จะเป็นทหารอยู่อีก ผมเคยไปส่งรุ่นน้องไปเรียนนายสิบหลายครั้งทุกครั้งที่ไปภาพที่ผมเห็นคือมีพพ่อแม่พี่น้องญาติๆแห่กันมาส่งกันบางคนแทบจะยกหมู่บ้านมาเลยครับ ทุกคนมาส่งด้วยความภมูิใจนี่เป็นสิงที่คนเป็นทหารมีเหนืออาชีพอื่น
สิ่งเหล่านี้มันตกทอดรุ่นสู่รุ่นผมว่าคนเป็นลูกเค้าก็รับรู้ได้ครับ อย่าเดาเลยครับไปสัมผัสเอาเองดีกว่าว่าทำมัย
ส่วนคำกล่าวที่ว่า กูลำบาก กูเหนื่อย กูเบื่อนายบางคน(ในวงเหล้า) ผมก็เคยได้ยินบ้างครับเพราะความเป็นมนุษย์
แต่ไม่เห็นจะเคยได้ยินว่าจะเลิกเป็นกัน
อ้อ งานของทหารไม่ใช่แค่ไปรบนะครับท่าน potmon
อีกนิด หน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญนี่ส่วนใหญ่เป็นงานของตำรวจนะครับเว้นกรณีพิเศษซึ่งประเทศใหนๆเค้าก็ทำกัน หากเป็นงานการ์ดทั่วๆไปนี่เป็นอาชีพเสริมที่บางคนรับทำกันจึงไม่น่าจะบ่นเพราะเงินดี ส่วนเรื่องปฎิวัตินี่ผมไม่รู้ครับ(แต่บางคนอาจจะชอบก็ได้เพราะได้ถ่ายรูปกับสาวๆอิๆ)
ขออภัยนะครับถ้าคำพูดต่อไปอาจจะแรงไปหน่อย งั้นฝากไปบอกเขาเหล่านั้นด้วยว่าไปยังมีอาชีพอื่นที่สบายกว่าเงินดีกว่าอีกเยอะครับอย่ามาทนอยู่เลยถ้าเค้าไม่ได้รักในสิ่งที่เค้าทำจริงๆไม่ภูมิใจในสิ่งที่เค้าเป็นอยู่ ผมไม่ได้ปฎิเสธนะครับว่าทหารที่มีความคิดแบบที่ท่านว่ามีอยู่จริงเพียงแต่กล่าวสนับสนุนข้อความที่ท่านcapt.tomที่กล่าวถึง ทหารอาชีพกับคนที่มีอาชีพทหารเท่านั้น การแสดงออกความเห็นในแบบของทหารจะเอามาเปรียบกับทั่วไปคงไม่ได้หรอกครับใช่ว่าไม่มีมีครับแต่ก็เป็นไปในแนวทางที่ไม่ทำลายระบบระเบียบกองทัพ หากใครอยากจะพูดจะทำอะไรก็ได้ก็คงเละครับถึงบอกว่า ท ทหารอดทนบางครั้งอาจจะไม่ชอบก็ต้องทน
ตอบคุณ : hinnoi นะครับ
ผมไม่ได้เดานะครับ แล้วก็สัมผัสอยู่ทุกวัน ตอบได้เลยตรงนี้ว่า มีแน่นอนครับ ไม่ต้องไปหาข้อพิสูจน์หลอกครับ เพราะทุกคนเค้าก็รู้กันว่ามี ดูโลกความเป็นจริงบ้างครับอยากสับสนกับความฝัน
ผมคนนึงที่มีคนในครอบครัว ญาติพี่น้องเป็นทหาร ผมบอกได้ประโยคนึง
"คนที่เลือกเป็นทหาร กับคนที่จำใจเป็นทหาร"
คนที่เลือกเป็นทหาร เขามีความคิดแบบง่ายๆ ครับ
"ทำเพื่อส่วนรวม" คนที่อยากเป็นทหาร ที่ผมสัมผัสมา ทั้งสาย รบ และ นักวิชาการ
ต่างมุ่งที่จะเจริญก้าวหน้า ในความสามารถทั้งนั้น
ส่วน คนที่จำใจเป็น มีทั้งจำใจเพราะ ไม่มีอาชีพใดที่เขาอยากทำ หรือ จำใจเพราะไม่มีปัญหาทำงานอย่างอื่น
พวกนี้ ง่ายมาก เราๆ ก็เห็นกันอยู่ บ่นโน่นบ่นนี่ เสียวินัย หลีกวินัยได้ทำหมด
ดังนั้น การจบหลักสูตร ต่างๆ ไม่ได้การันตีว่าเขาจะรักความเป็นทหารได้มากกว่าทหารที่ไม่ผ่านหลักสูตรที่สำคัญใดๆ เลย แต่เป็นเพียงการยืนยันในความสามารถที่เขาทำได้ ในงานลักษณะพิเศษ ครับ
....................
จะบอกว่าไม่มี ไม่ได้ครับ ต้องยอมรับความจริง และจะบอกว่า ทหาร คือ การลงทุน ก็ไม่ใช่ครับ
เพราะอย่างนั้น จะเป็นรั้วของชาติมิได้ มันจะกลายเป็ยนทหารรับจ้างแทน เราชาตินั้น จะมลายหายไป
ทหารต้องมองชาติเป็นบ้านของตนเอง คนในชาติคือพี่น้อง พระมหากษัตริย์ คือ บิดา องค์ราชินี คือ มารดา ผู้บังคับบัญชาคือ พี่ ประชฃาชนคนไทย คือน้อง นั่น ในความคิดของผม คือทหารอาชีพ ครับ
.....................................
นอกจากนี้ ผมนะมองว่า ไม่มีแนวคิดไหนที่ดีเลิศไปเสียหมด แต่ทำอย่างไรให้เหมาะกับสังคมไทยเท่านั้น เรื่องชาตินิยม อาจจะเป็นตัวขัดขวางความเจริญ แต่เรื่องนี้ ทำให้คนในชาติสามัคคีได้พอตัว ข้าราชการปฏิบัติตนเพื่อชาติได้อย่างเต็มใจเกือบทุกคน (เกือบทุกคน เป็นส่วนใหญ่) และทหารเองจะนึกถึงชาติตน นักธุรกิจจะนึกถึงชาติของตน เหมือนกรณีอิสราเอล และ ญี่ปุ่น ถึงแม้หลายคนบอกว่าไม่ดี แต่อย่างที่บอก ไม่มีอะไรดีเลิศทุกอย่าง แต่ ชาตินิยม ช่วยแก้ไขปัญหาในสังคมไทยได้หลายอย่าง โดยเฉพาะ สังคมไทยในปัจจุบัน
ตอบคุณ : hinnoi นะครับ
ก็เห็นถามมาว่ามีหรือไม่ ผมก็เลยตอบเท่านั้นเองครับว่ามี ส่วนเรื่องวินัยของทหารผมก็เขียนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเค้าไม่พูดกันหลอกเรื่องแบบนี้(แต่ไม่ใช่ว่าเค้าไม่พูด ก็ทำเป็นไม่เห็นอะ ส่วนใครกล้าพูดก็ดันเป็นทหารเลวไปอีก ให้เค้าทนๆไปทั่งชาติหรือครับ เจ้าคนนายคนเค้าควรคิดกันแบบนี้หรือ) ผมรู้จักทหารหลายคนนะครับที่อยากเลยไป 3 จ.ใต้ เค้าอยากใช้ศักยภาพของเค้าที่ฝึกฝนมา แต่ติดตรงครอบครัวที่ต้องห่างกัน หรือครอบครัวไม่เห็นด้วย ตัวทหารไปคนเดียวไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะเอาครอบครัวไปด้วยมีปัญหา กองทัพเรามีการรองรับเรื่องนี้ดีพอหรือ
ผมคิดว่า ไอ้ข้อความแบบนี้ มันมาจากไหน มีคนพูดจริงหรือเปล่า คนที่พูดเป็นทหารจริงหรือเปล่า แต่ดูแล้วมันเหมือนคำพูดในนิยายยังไงไม่รู้ หรือมีนักเลงคีย์บอร์ดบางคนแต่งขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์จะกระทบกระเทียบใครบางกลุ่มหรือเปล่า เพราะมันส่งกันต่อๆไป ไม่มีใครรู้ที่มา
บทความนี้มันเป็นFWกันจนผมจำต้นฉบับไม่ได้แล้วว่าใครเขียนใครเป็นคนถ่าย แต่ต้นฉบับไม่ได้เขียนเนื้อหาแบบนี้แน่นอน ผมเห็นแทบจะทุกเวบทั้ง Mthai pantip dek-d @cloud เนื้อหาบทความไม่เหมือนกันสักที่ กว่าจะมาถึงที่นี่คงตีไข่ใส่สีซะเจ้าของเดิมคงจะ งง เป็นไก่ตาแตก
เอาเป็นว่าผมเข้าใจคุณ potmon ความจริงผมแค่อยากพูดถึงบทบาทหน้าที่เมื่อเปรียบเทียบกับคำกล่าวในบทความว่าเป็นเช่นไรในความหมายโดยรวมคงจะแยกไปทุกคนไม่ได้มันต่างจิตต่างใจกันเรื่องพูดนะพูดได้ครับแค่พูดให้ถูกที่ถูกทางก็พอไม่ใช่ต่อหน้าไม่พูดไปพูดกันหน้าจอด่ากันลับหลังอันนี้ก็ไม่ควร พูดไปพููดมาเดี๋ยวจะออกนอกเรื่องไปไกล ถ้าพูดถึงการไปสาม จว ชายแดนนี่จริงๆก็มีระเบียบว่าไว้ชัดเจนแต่จะดีพอหรือไม่ก็คงแล้วแต่คนจะคิดละครับ จะว่าไปคงต้องถามฝ่ายการเมืองเค้าเหมือนกันในข่าวก็เห็นๆกันอยู่(ตรงนี้อย่าต่อเลยนะครับเดี๋ยวจะผิดระเบียบ) หวังว่าคงเข้าใจจุดยืนผมนะ
ผมเคยผ่านมาซึ่งก็นานมาแล้ว มาทางสายพาณิชนาวี ตอนฝึก seal โหดสุดและตื่นเต้นสุดคงเป็น จับมัดมือไชว้หลัง มัดข้อเท้า
แล้วครูฝึกจะคอยถีบเราลงไปโดยจะมีเรือยางคอยูห่างๆ พอเราตกน้ำก็ต้องหาทางเอาเชือกออกให้ได้ มัดค่อนข้างแน่นพอสมควร
ห้ามว่ายขึ้นฝั่งโจทย์คือให้แก้มัด ไม่ไหวก็โผล่หัวมาบอกว่าไม่ไหว และก็ต้องแพ๊คกระเป๋ากลับบ้าน ส่วนผมก็เอามือโอบให้เท้าจากทงด้านหลัง
แล้วเอาปากแก้เชือกทีมือ และแก้ที่เท้าได้ถือว่าสำเร็จ แต่ปัจจุบันผมอยู่เรือพาณิชย์ ก็จะมีการเรียกไปดูแลรุ่นน้องทุกๆ 1 ปี
บทความที่ว่านั้นผมก็เจอในหลายเว๊ปครับแต่ละเว๊ปก็ไม่เหมือนกัน อย่างที่ เพื่อนสมาชิกว่าล่ะครับ
ทีนี้ผมจะเปรียบเทียบให้ดูใรเรื่องความก้าวหน้าของ ทหารอาชีพ กับ อาชีพทหารนะครับ อันนี้เป็น
เรื่องจริงที่ผมเห็นมาจากพ่อของเพื่อนผมครับ ผมมีเพื่อนที่สนิทอยู่ 2 คน โดยทั้งสองคนเป็นลูก
ทหารที่อยู่ประจำการอยู่ที่ ทภ.2 โดยทั้ง2คนมียศเท่ากันตอนที่ผมยังเรียนอยู่ ม.ต้น แต่ตอนนี้
พ่อเพื่อนผมทั้ง 2 คน เป็นนายทหารชั้นประทวน โดยคนหนึ่งมียศ ร.ต. อีกตน ร.ท.จากที่ทั้ง 2
คนมียส จ.ส.อ. ความก้าวหน้ามาจากไหนครับ มาจากความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่และความ
ไม่หย่อนยานวินัย และการใฝ่หาความรู้ และส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอาชีพเป็นทหารตอนนั้นยศเท่ากัน
ตอนนี้ยังเป็น จ.ส.อ. อยู่เพราะตกเย็นวันๆเอาแต่นั่งซดเหล้า กับหนีเวรยาม ตีไก่ ไม่ใฝ่หาความรู้
จากบทความนี้ ดูดีๆ บางรูปก็เป็นการฝึกของ รีคอน เหมือนกับว่าหารูปมาจากหลายๆที่แล้วแต่งเป็นเรื่อง
นักรบที่แท้จริงคือผู้ที่พร้อมจะเสียสละ ปิดทองหลังพระ ไม่ต้องการผลตอบแทนอะไรที่มากกว่าคนอื่น
คนที่เป็นซีลจริง ผมว่าท่านเหล่านี้ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวหรืออวดอ้าง โอ้อวด ให้ใครยงย่อง สรรเสริญใดๆ ตัวอย่างก็มีให้เห็นคนที่คุยนักคุยหนาว่าเป็นซีล จากกองทัพเรือสหรัฐ ผลสุดท้าย เป็นจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้
"การมีวินัย คือ เกียรติของทหาร"