หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


การพึ่งพาตนเองของ DTI กับบทความที่น่าสนใจ

โดยคุณ : qwertyuiop เมื่อวันที่ : 27/01/2012 21:11:53

   ขอบคุณ เว็บจาก DTI  ผมคิดว่า DTI เริ่มมองเห็นความสำคัญและมองประเทศแล้ว อนาคตคงจะสร้างเครื่องบิน หรือ อุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับทหารอาจจะให้เวลานานแต่ก็เป็นก้าวแรกต้องมีลองผิดลองถูกอยู่บ้าง เพราะไม่มีใครช่วยเราได้ถึงแม้เขาจะช่วยเราแต่มันก็คงไม่สำคัญ ที่เราสามารถยัดยืนด้วยลำแข้งของตนเอง  (ชอบกับคำพูดของDTI มาก ๆ คับ)

DTI-1

เมื่อช่วงวันที่ 12-13 มกราคมที่ผ่านมา ทางฝ่ายวิเคราะห์เทคโนโลยีป้องกันประเทศได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นสักขีพยานการประกอบลูกจรวด DTI-1 ซึ่งเป็นลูกแรกที่ประกอบโดยคนไทย 100% ซึ่งจะว่าไป นี่คือวินาทีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ สทป. จะได้นำจรวด DTI-1 พร้อมรถยิงมาเปิดตัวให้เห็นกันแล้ว แต่จรวดที่เพิ่งประกอบกันไปนั้น นอกจากจะประกอบโดยฝีมือคนไทยแล้ว ยังประกอบกันในโรงปฏิบัติการของ สทป. จังหวัดนครสวรรค์ ที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จและทำพิธีเปิดเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2554 นั่นหมายความว่าจรวดลูกประวัติศาสตร์นี้ประกอบทั้งหมดในประเทศไทยด้วยคนไทยล้วนๆ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีการป้องกันประเทศของประเทศไทย และถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการป้องกันประเทศ ที่สามารถนำไปต่อยอดในการผลิตยุทโธปกรณ์ชนิดอื่นๆ ด้วยตนเองด้วยโรงปฏิบัติการอันทันสมัยของ สทป. รวมถึงสามารถต่อยอดไปถึงอุตสาหกรรมพลเรือนอื่นๆ ในอนาคตต่อไป

เหตุใดการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศถึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับประเทศไทยในทศวรรษต่อจากนี้? คำตอบง่ายๆ คือปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางด้านการเมืองระหว่างประเทศอีกต่อไป ในสมัยก่อน ประเทศไทยนั้นถือเป็นประเทศหนึ่งที่อยู่บนจุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาคเนื่องจากอยู่ตรงกลางของคาบสมุทรอินโดจีน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ไทยกลายเป็นรัฐกันชนในสมัยล่าอาณานิคม แต่ความชัดเจนในการเป็นจุดยุทธศาสตร์ของไทยเกิดขึ้นเมื่อสมัยสงครามเย็นที่ขณะนั้นไทยเปรียบเสมือนเป็นเมืองหน้าด่านของการปกครองแบบประชาธิปไตยและแนวคิดแบบเสรีนิยมในการต่อต้านการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ด้วยการที่ไทยเป็นดินแดนสำคัญที่ทางฟากเสรีนิยมไม่สามารถเสียได้ จึงทำให้มิตรประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ จำเป็นต้องช่วยเหลือประเทศไทยในด้านการทหารและการป้องกันประเทศ มีการช่วยเหลือด้านยุทโธปกรณ์ ระบบการฝึก รวมถึงสร้างสิ่งก่อสร้างทางทหารไว้ให้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการทหาร และให้ทุนการศึกษาแก่ทหารไทยไปศึกษาต่อในประเทศตะวันตก กล่าวง่ายๆ คือประเทศไทยในช่วงนั้นเป็นประเทศ “เนื้อหอม” เรียกได้ว่าขออะไรได้หมด แต่หลังจากที่หมดยุคสงครามเย็นไปแล้ว ทุกอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไป

หลังยุคสงครามเย็น โลกได้พุ่งความสนใจไปที่การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โลกโลกาภิวัตน์ได้นำพาบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ เข้ามาตั้งสาขาอยู่ในหลายประเทศ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย และเมื่อเศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น ประเทศต่างๆ ก็จำเป็นต้องค้นหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจ จนทำให้พื้นที่ที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน กลายเป็นประเทศ “เนื้อหอม” ซึ่งคุณสมบัติเช่นนี้ประเทศไทยไม่มี ในขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศไทยกลับเป็นพื้นที่แหล่งพลังงานใหม่เกือบทั้งหมด เช่นพม่า กัมพูชา รวมถึงประเทศที่มีพื้นที่ในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชา ที่กำลังให้สัมปทานกับบริษัทพลังงานข้ามชาติจำนวนมากสำหรับขุดเจาะแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน และมีแนวโน้มที่จะดึงการลงทุนจากต่างชาติเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในทางส่วนของพม่านั้น ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าประเทศมหาอำนาจอย่างจีน อินเดีย กลุ่มประเทศ EU และล่าสุดสหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นศัตรูสำคัญของพม่า ได้เข้ามาผูกสัมพันธ์เพื่อหวังที่จะลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติในอนาคตซึ่งมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ในพม่า ฉะนั้นในทศวรรษต่อจากนี้ หากประเทศไทยมีอันจะต้องเกิดความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน ประเทศไทยคงจะหวังความช่วยเหลือจากประเทศมหาอำนาจผู้ส่งออกยุทโธปกรณ์ไม่ได้อีกต่อไป ถึงตอนนั้นถึงแม้ว่าไทยจะมีเงินร่ำรวยมหาศาล หรืออยากจะซื้อแค่ไหน ก็อาจจะไม่สามารถจัดซื้ออาวุธดีๆ เข้าประจำการได้เสมอไป เพราะคงไม่มีใครอยากจะขายให้ ยิ่งไปกว่านั้นความช่วยเหลือด้านการทหารและความช่วยเหลือด้านอื่นๆ จะเทไปที่ประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าด้วยซ้ำไป ตัวอย่างเช่นการที่ฝรั่งเศสหนุนหลังกัมพูชาอย่างเต็มตัวในกรณีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร เมื่อแนวโน้มเป็นเช่นนี้ การพึ่งพาตัวเองคงจะเป็นการดีที่สุดในระยะยาว





ความคิดเห็นที่ 1


ประเทศอื่นๆจะมาช่วยก็ด้วยผลประโยชน์ล้วนๆ  เป็นเรื่องน่ารังเกียจแต่เป็นเรื่องจริง  ฟังแล้วอยากไปบวช

โดยคุณ tapfah เมื่อวันที่ 25/01/2012 09:20:38


ความคิดเห็นที่ 2


อยากให้ ทบ.สนับสนุนให้ตลอดนะครับ ไทยเราจะได้มีแบนด์อาวุธเป็นของตัวเองซักที

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 25/01/2012 09:57:26


ความคิดเห็นที่ 3


เพราะ เเต่ก่อนเราได้รับการช่วยเหลือจาก อเมริกา รึเปล่า เราถึงไม่เห็นถึงความสำคัญของการพึ่งพาตนเอง เเต่พึ่งมาเห็น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในปัจจุบัน เเต่เชื่อว่าคนไทย สนับสนุนการพึ่งพาตนเองอยู่เเล้ว เเต่เพราะปัจจัยหลายๆสิ่ง ทำให้เราทำได้ไม่ดีพอ 

โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 25/01/2012 10:06:16


ความคิดเห็นที่ 4


"......... เราขอขอบคุณในความช่วยเหลือของอเมริกา แต่เรายังตั้งใจไว้ว่า วันหนึ่งข้างหน้าเราจะทำกันเองได้ โดยไม่พึ่งความช่วยเหลือนี้ ......... " ........We are greateful for American aid, but we intend, one day, to do without it...........
ส่วนหนึ่งของ พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ณ สภาคองเกรส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2503


โดยคุณ PROTOTYPE เมื่อวันที่ 25/01/2012 10:15:16


ความคิดเห็นที่ 5


ชื่นใจครับ ในหลวงท่านทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลมากๆจริงๆครับเห็นได้จากหลายๆ เรื่องยังไงการยืนด้วนขาตัวเองหายใจได้ด้วยตัวเองก็ดีที่สุดแล้วครับใครมันจะมาจริงใจกับเราเท่าคนไทยด้วยกันรักกันไว้ดีกว่าเด้อพี่น้อง

โดยคุณ hinnoi เมื่อวันที่ 25/01/2012 11:51:25


ความคิดเห็นที่ 6


ประกอบ ได้แล้ว แปลว่า อีกไม่กี่เดือน ก็มีการยิงโชว์ สินะครับ

แล้วคุณภาพเป็นไงมั่งครับ ช่วงนี้ข่าวเงียบๆ  เป็นอันที่พอใจไหมครับ คุณภาพ อยากเห็นรูปจังเป็นแบบไหน

โดยคุณ cananac11 เมื่อวันที่ 25/01/2012 13:11:52


ความคิดเห็นที่ 7


อยากให้ ทร.นำไปต่อยอดในการยิงระดมฝั่งเป้าหมายที่สำคัญ..หรือแม้แต่พัฒนาใช้แทนพวก C-802

โดยคุณ tks เมื่อวันที่ 25/01/2012 22:51:50


ความคิดเห็นที่ 8


เยืยม  

โดยคุณ netazyr0 เมื่อวันที่ 26/01/2012 04:06:02


ความคิดเห็นที่ 9


ขอประโยคเดียว เมื่อไรจะขุดคลอง 

โดยคุณ spooky เมื่อวันที่ 27/01/2012 10:11:53