ตามหัวข้อข่าวเลยครับ....ไทยอีก 15 ปี ก็คงยังไม่ได้ใช้........ตัวนี้
ปล.ญี่ปุ่นซื้อเอาใจพี่กัน(ถึงแม้ร่วมทุนก็ตาม)หรือว่าของเขาดีจริงๆ
บ.รบรุ่นใหม่ ต่อไปจะเป็น บ.ข.๒๑
กว่า F-35 จะเข้ามาประจำการในไทยจริงๆอีกยาวนาน คงพัฒนาไปในรุ่นอื่นๆเช่น C/D - Block II /III
ถึงเวลานั้น ราคาคงจะอ่อนตัวลงบ้าง และไทยเราปกติก็ใช้วิธี ทยอยซื้อเข้าประจำการเรื่อยๆ คงไม่มีปัญหาในอนาคต..
ประเทศไทย คงต้องรออีกสัก 35 ปีโน่นแหละครับ
ค่อยคิดว่าจะได้เอามาแทน F-16 เพราะของเรายังไช้ได้อีกนาน
เพื่อให้การเข้าประจำการของ F-35A ใน ทอ. เป็นไปอย่างสมเกียรติเต็มภาคภูมิ
เห็นควรบรรจุในชื่อ เครื่องบินขับไล่เอนกประสงค์แบบ ๓๕ (บ.ข.๓๕)
อีกกี่ปีไปนึกเอาเองครับ...ตอนนี้ใหม่สุดก็ บ.ข.๒๐/ก JAS-39C/D...
ตอนนี้ F-35 ราคาอยูที่ 104 ล้าน us ครับ แพงโครต!!!
ญี่ปุ่นนั้นงบประมาณเขามีเพียงพออยู่แล้ว เพียงแค่ผู้ใช้งานระบุงบประมาณ แบบเครื่องบิน ผลกระทบที่ทำให้จัดหาและรวมทั้งรูปแบบเงื่อนไขอะไรก็ตาม เมื่อผู้อนุมัติเขาเห็นควร เขาก็สามารถที่จะอนุมัติจัดซื้อได้ทันที ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า งานนี้ญี่ปุ่นได้ประโยชน์มากกว่าการจัดซื้ออย่างเดียวซึ่งอาจจะหมายถึงเทคโนโลยีบางอย่างที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถนำมาต่อยอดในการพัฒนาต้นแบบเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ของญี่ปุ่นเองก็ได้ ประเทศที่งบประมาณพร้อมและรัฐบาลเขาสนับสนุนเขาย่อมทำได้
ในส่วนของประเทศไทยนั้น อีก 10 ปีข้างหน้า F-16ADF ฝูง 102 คงถึงคราวต้องปลด และ อีก 15 ปีถัดมา F-16A/B ฝูง 103 ก็จะต้องปลดตาม นั่นเป็นโจทน์ที่กองทัพอากาศต้องเตรียมคิดว่าจะต้องจัดหาเครื่องบินอะไรมาทดแทน ซึ่งในส่วนตัวมองว่า ในช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงของเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 แล้ว(ฝูง 102 ที่อาจจะจัดหายุคที่4.5 มาใช้งานก่อนถ้าจำเป็นหรือว่างไว้ซักระยะ) ซึ่งกองทัพอากาศจำเป็ต้องศึกษาและดูความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องบินแลลต่างๆว่าแบบใดที่เหมาะสมและสามารถที่จะจัดหามาใช้งานได้ ซึ่งถ้าดูแล้วราคาเครื่องบินขับไล่ในยุคนั้นน่าจะมีราคาเป็นหลักร้อยล้านเหรียญกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งราคาของ F-35A นั้นก็อาจจะถือเป็นราคาทั่วไปของเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 แต่ถ้าคิดในแง่บวกว่า หากยอดขายของเครื่องบิน F-35A มีจำนวนมาก ยอดการผลิตมีเยอะ ราคาค่าตัวอาจจะลดลงต่ำกว่านี้ อีกทั้งเครื่องบินแบบนี้อเมริกาตั้งใจผลิตเพื่อการขายต่างประเทศด้วยจึงไม่น่ามีปัญหาในการจัดหามาใช้งาน นอกเสียจากเรื่องราคาที่กองทัพต้องยอมรับความจริงและรัฐบาลต้องเข้าใจสถาณการณ์ความจริงเรื่องนี้ถึงความจำเป็นและปรับตัวให้ได้ แต่ทั้งนี้ยอดจองของประเทศที่ร่วมโครงการรวมกันแล้วก็มีจำนวนมากซึ่งกว่าจะถึงคิวเรานั้นคงจะอีกประมาณ 10-15 ปี ซึ่งราคาก็น่าจะลดลงกว่านี้ครับ