Foto: forums.eagle.ru |
http://thaidefense-news.blogspot.com/2011/11/yak-130-65-2017.html
ทอ.ไทยไม่สนหรือครับเพราะตัวนี้น่าจะโมง่ายกว่ารุ่นอื่นเพราะอิตาลีมีส่วนร่วมในโครงการด้วย พัฒนาเป็น M-346 (เปลี่ยนชื่อซะงั้น )
ปกติส่วนตัวไม่ค่อยสนับสนุนเครื่องบินจากรัสเซียเท่าไหร่แต่ตัวนี้น่าสนใจมากครับ ราคาไม่แพงมากแล้วระบบน่าจะปรับตัวให้เข้ากับ NATO ได้
ง่าย หรืออาจเป็นแบบซื้อผ่านรัสเซียแต่ใช้ระบบของอิตาลี ราคาน่าจะถูกกว่า M-346
หรือท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรครับ
ในส่วนตัวคาดว่าช่วงนี้กองทัพอากาศคงยังไม่มีแผนจัดหาเครื่องบินฝึกใหม่ครับ เพราะ L-39ZA/ART ยังคงประจำการอยู่ แต่หากอนาคตข้างหน้าประมาณอีก 10 ปี นั้น L-39ZA/ART หากจำเป็นต้องปลดประจำการลง อีก 5 ปีข้างหน้าก็คงต้องดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินเข้าทดแทนได้แล้ว ยกเว้นว่าทำการปรับปรุงโครงสร้างยืออายุไปอีกระยะ ซึ่งการจัดหาเครื่องบินฝึกมีให้เลือก ทั้ง T-50 จากเกาหลี หรือ MB-346 จากอิตาลี(อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว) รวมทั้ง MIG-AT ของรัชเซีย ส่วน YAK-130 ของรัชเซียนั้น ถือว่าเป็นลูกคนละแม่แต่พ่อเดียวกันกับ MB-346 แต่ต่างกันที่ภายในบ้างเพื่อให้ได้ตามมาตรฐานรัชเซีย ซึ่งจะว่าไปก็น่าสนใจอยู่ครับ แต่หากการจะปรับปรุงให้ได้มาตรฐานนาโต้นั้นไม่แน่ใจว่าจะทำให้ราคาค่าตัวไม่แตกต่างจาก MB-346 หรือเปล่าซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นสู้จัดหา MB-346 ปเลยดีกว่าครับ เว้นแต่ว่า เราเปลี่ยนแค่ระบบไม่กี่อย่างให้ได้มาตรฐานาโต้ที่เราใช้อยู่ ส่วนอื่นยังใช้รัชเซียน่าจะประหยัดงบลงแต่เราพอใจตรงนั้นหรือไม่ครับ แต่ลึกๆเชื่อว่า ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ เกาหลีอาจจะวินก็ได้ครับ
ในมุมมองของผมการปรับปรุงระบบบางอย่างที่ให้เข้ากับของเราได้น่าจะเป็นทางเลือกครับ เช่นระบบสื่อสาร ระบบอาวุธอย่างเช่นที่เชื่อมกับ L-39 เป็นต้นครับ อนาคตยังอีกยาวครับตัวเลือกมีมากแน่นอนแต่สิ่งที่จะตามมาในตัวเลือกต่างๆคือราคา ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวติดสินเลยทีเดียวก็ว่าได้ ถ้าจะมองเรื่องการซ่อมบำรุงอย่างน้อยถ้าเกิดก็คงไม่ยากจนเกินไป เพราะเราก็มีประสพการณ์จากการซ่อมทำเครื่องที่มาจากรัสเซียอยู่ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด(ถาเป็นจริง) ทอ.มีการตัดสินใจเลือกแบบเครื่องเป็นเพื่อทดแทน L-39 ZA/ART ในอีก 5-10 ข้างหน้า หนึ่งในตัวเลือกน่าจะมี YAK-130 สอดแทรกเข้ามา ส่วนสาวเกาหลีอาจที่อาจจะเข้าวินก็ด้วยเหตุผลทางด้านความเป็นมาตราฐานที่เราเคยใช้เครื่องบินที่มีระบบคล้ายคลึงกัน(F-16 น้อย ของเกาหลี) เหตุผลที่บอกว่า YAK-130 น่าสนใจก็เพราะระบบต่างๆของเครื่องบินYAK-130 น่าจะอ่อนตัวต่อการปรับปรุงและการเปลี่ยนจากเครื่องบินฝึกการเป็นเครื่องบินโจมตีขนาดเบาหรือสนับสนุนทางอากาศได้ง่ายและติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย ความเร็ว ความคล่องตัว น้ำหนักบรรทุก การอยู่รอดในสนามรบน่าจะมีมากกว่าเครื่องบินบางรุ่นที่บางรุ่นดัดแปลงมาจากเครื่องบินฝึก และสิ่งที่เห็นในพัฒนาการต่างๆที่เกิดขึ้นในเครื่องบินรุ่นนี้คือ ระบบสถาปัตยกรรมภายในที่มีความทันสมัยและยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิด แอร์เฟรมแข็งแรงขึ้นเพื่อรองรับนำหนักบรรทุกและรองรับกำลังของเครื่องยนต์ ถึงแม้โอกาสอาจจะเป็นไปได้น้อยแต่ก็ไม่น่าจะมองข้ามเครื่องบินรุ่นนี้ไป
ไม่รู้ว่าอนาคตหวยจะออกตัวไหนก็ไม่เป็นไรครับ ดูข้างล่างครับ คงต้องหาเงินค่าสินสอดเยอะน่าดู55+
เรื่อง บ.ฝึก ผมอยากเอนไปทาง Kawasaki T-4 มากกว่านะ
จากการเปิดอาเซียน และ JFTA ผมว่าการชักชวนให้ยุ่นมาเปิดโรงงานผลิตในไทย จะลดต้นทุนการผลิตลงมาก
และเงินทองส่วนหนึ่งยังอยู่ในประเทศอีกด้วย แต่คงต้องดูความสามารถในการชักจูงของรัฐบาล
เพราะผมก็ไม่ทราบว่า การเปิด JFTA กับรัฐธรรมณูญญี่ปุ่นมันขัดกันฤป่าว
สำหรับ YAK-130 นั้นจัดว่าเป็นเครื่องบินฝึกที่มีสมรรถนะสูง โดยตามข้อกำหนดของรัชเซียนั้นจะต้องเป็นแบบสองเครื่องยนต์เนื่องจากประสปการณ์ของรัชเซียจากการใช้งานเครื่องบินไอพ่นฝึก L-39 ที่กำลังขับของเครื่องยนต์ค่อนข้างต่ำทำให้เกิดอาการสตอลและประสปอุบัติเหตุ สังเกตว่า เครื่องบินไอพ่นฝึกที่รัชเซียพัฒนาขึ้นมาทั้ง MIG-AT ที่พัฒนาร่วมกับฝรั่งเศษ และ YAK-130 ที่พัฒนาร่วมกับอิตาลี่ นั้นจะมีสองเครื่องยนต์ โดยส่วนตัวผมจะชื่นชองรูปร่างที่ทันสมัยและสมรรถนะของ YAK-130 เป็นพิเศษ พออิตาลี่ออก MB-346 มาด้วยในมาตรฐานนาโต้เลยดูจะสนใจใน MB-346 ซึ่งเท่าที่เคยได้ยินข่าว่า สิงคโปร์ ได้ตกลงเลือก MB-346 ในการจัดหาเครื่องบินไอพ่นฝึก
ส่วนสำหรับกองทัพอากาศไทยเรานั้น ในส่วนตัวผมมองไปที่ T-50 จากเกาหลีใต้นั้นเพราะเป็นเครื่องบินที่มีพื้นฐานมาจาก F-16 ที่เรามีใช้งาน รวมทั้งเครื่องยนต์นั้นมีพื้นฐานเดียวกันกับเครื่องยนต์ JAS-39C/D ที่เราจัดหามาใช้งานในปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้เคียงกับการปลดประจำการ L-39ZA/ART เครื่องบิน Alpha Jet ที่ใช้ในภารกิจสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดอาจจะต้องปลดเช่นกันซึ่งอาจจะทำให้ กองทัพอากาศอาจจะสามารถที่จะจัดหา F/A-50 ที่มีพื้นฐานจาก T-50 ต่อได้ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนชิ้นส่วนอะไหล่ได้อย่างดี อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีค่อนจะแนบแน่นกันอย่างดีครับ แต่ทั้งนี้ กองทัพอากาศจะมีงบพอที่จะจัดหาในช่วงเวลานี้หรือไม่เท่านั้นครับ เพราะอีก 10-15 ปีข้างหน้า F-16A/B ฝูง 103 จะต้องปลดประจำการลง(รวมทั้ง F-16ADF ฝูง 102 ด้ว)และคงต้องหาเครื่องบินขับไล่ใหม่มาทดแทน น่าหนักใจจริงๆครับ
ถ้าคิดจะซื้อ Yak-130 สู้ซื้อ M-346 ไปเลยดีกว่า ถึงราคาจะสูงกว่า แต่เป็นระบบนาโต้แท้ๆ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร ซึ่งถ้าซื้อ Yak-130 แล้วดัดแปลงให้เป็นระบบนาโต้ มันจะยุ่งยากมาก เพราะไม่ได้ออกแบบมาตั้งแต่ทีแรก และใครจะรับประกันได้ว่าประสิทธิภาพของเครื่องจะยังเหมือนเดิม
แถมเรื่องอะไหล่ การบำรุงรักษา ของรัสเซียก็ไม่น่าไว้วางใจ ระบบอาวุธต่างๆก็ไม่เข้ากันกับที่ทอ.ใช้อยู่ในปัจจุบัน สรุปว่าซื้อ M-346 ดีกว่า สามารถใช้ IRIS-T Missile ได้ด้วยนะ จะได้เป็นแบบแผนเดียวกับ Gripen
พูดคุยเรื่องเครื่องที่จะมาแทน L-39 กับ Alpha jet ทีไรแสรงเรื่องเงินที่ทอ.ต้องจัดหาทุกทีเลย โดยส่วนตัวผมชอบ T-50 เหมือนเดิมครับเพราะประสิทธิภาพของเครื่องสูงที่สุด เกือบเท่า jas-39 เลยแต่จ่ายแพงกว่า 4-5 ล้านเหรียญ แม้จะไม่ใช้รุ่น a-50 หรือ f/a-50 แต่ก็มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถติดตั้งกระเปาะเดินอากาศและชี้เป้าด้วยเลเซอร์ได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการโจมตีดีมากพอๆกับ F-16 และถ้าถึงคราวจำเป็นก็สามารถอัปเกรดเครื่องได้ง่าย เช่นติดตั้งเรด้าร์ ถ้าเครื่องฝึกเป็น t-50 มาแทน L-39 และ a-50 มาแทน alpha jet จะเเป็นอะไรที่ลงตัวมากเนื่องจากอะไหล่ต่างๆก็ทดแทนกันได้มากการบริหารในส่วนนี้จะง่ายขึ้นมาก แต่ราคาค่าตัวนี่.....ประสิทธิภาพก็อาจเกินความต้องการของทอ.เพราะสามารถบินเจาะระบบป้องกันภัยทางอากาศได้เลย(แต่เพื่อนบ้านนอนสะดุ้ง)
ถ้าเงินคือปัจจัยหลักปั๊บ งานนี้คงจบที่ Yak-130 แบบที่ท่าน ALPHA001 พูดก็ได้ครับ เพราะถ้าจัดหาระบบที่ต้องใช้ร่วมกันได้ เช่นระบบสื่อสาร แบบที่ทอ.จัดหา L-39 ก็จะได้ราคาต่ำที่สุด โดยยังสามารถทำการรบสนับสนุนได้ด้วย แต่ถ้าต้องใช้กระเปาะชี้เป้าก็คงต้องไปหาของรัสเซียและระบบของรัสเซียมาใช้ด้วย ยุ่งพอสมควร แต่ถ้าจะตัดเรื่องนี้ก็ต้องไปใช้ M-346 ซึ่งรองรับกระเปาะชี้เป้า รองรับระบบอาวุธตะวันตกทุกแบบที่ใหม่ๆเจ๋งๆ แต่ราคาก็เกือบไปติดกับ T-50 แล้ว ต่างกันแค่ 4 ล้านเหรียญ
ถ้าเน้นราคา yak-130 อาจมาจริงๆก็ได้ครับ เหมือน L-39 กับ hawk ที่เคยพิจารณาการจัดหา แต่ถ้าจะไปเล่น M-346 เพิ่มเงินอีกนิดโดดไปเล่น T-50 เลยดีกว่าครับ
ขอโทษครับผมพิมพ์ตกหล่น ข้อความที่ว่า
เกือบเท่า jas-39 เลย แต่จ่ายแพงกว่า 4-5 ล้านเหรียญ จริงๆต้องเป็น
เกือบเท่า jas-39 เลย แต่จ่ายแพงกว่า M-346 4-5 ล้านเหรียญ ครับ ตกไปแค่คำเดียวความหมายเปลี่ยนไปมากเลย
ใช่ครับพูดเรื่องนี้ทีไรก็หายใจไม่คล่องล่ะ55+ สุดท้ายงบประมาณและความเหมาะสมกับนโยบายก็คือตัวกำหนดทิศทางของการจัดหา อย่างที่ท่านข้างบนว่าล่ะครับถ้าเราจะจัด M-346 กับเราจ่ายเพิ่มอิกนิดหน่อยเอา T-50 ไม่ดีกว่าหรือ แล้วประสิทธิภาพมันก็เกินจากความต้องการจากที่เราต้องการมันมาเป็นเครื่องบินฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อไปสู่เครื่องที่สมรรถนะสูงกว่า (แต่ผมยังแอบฝันอยู่ว่าถ้าเป็น T-50 ก็น่าจะดีที่สุดในบรรดา 3 รุ่นที่กล่าวมา) แต่ที่คาวมเห็นของผมลงที่ YAk-130 ทั้งที่ก็ยังห่วงถึงระบบการส่งกำลังบำรุงก็ตาม เหตุผลหลักส่วนตัวนะครับ55+สมรถนะมันไม่ไกล้กับเครื่องบินขับไล่/โจมตีหลักหรือไกลกันจนเกินไปครับ
ขอขำนิดนะครับ ผิด1คำความหมายเปลี่ยนหรือเว้นวรรคผิดความหมายก็เปลี่ยนเช่นกันครับยกตัวอย่าง
ยานี้กินแล้วแข็ง แรงไม่มี โรคภัยมาเบียดเบียน มุขจะแป็คไหมน้อ 55+
อ้าวกรรม แก้ครับ สมรถ เป็น สมรรถนะ ครับ ==
ราคาล่าสุดที่เห็นลงโดยวิกิบอกว่า M-346 ราคา 20 ล้านยูโร แปลงเป็นดอลล์และบาทไทยได้ประมาณ 27 ล้านดอลล์ หรือประมาณ 810 ล้านบาทต่อเครื่อง แต่ราคานี้ไม่รู้ว่ามีอ๊อปชั่นอะไรบ้างครับ เพราะราคากระเปาะชี้เป้าเดินอากาศก็เป็นร้อยล้านแล้ว
ส่วน T-50 วิกิลงไว้ว่า 21 ล้านเหรียญต่อลำ แต่เห็นดีลที่ขายให้ทอ.อินโด ราคาเฉลี่ยต่อลำราวๆ 26-27 ล้านเหรียญ แสดงว่าราคาของเครื่องสองแบบตอนนี้ราคาพอๆกันครับ
ส่วน yak-130 ราคาที่วิกิลงบอกว่า 15 ล้านเหรียญเท่านั้น นั่นคือราคา 450 ล้านบาทต่อเครื่อง! รัสเซียซื้อได้ถูกเน๊อะ
เครื่องทั้ง 3 แบบสามารถรองรับการใช้กระเปาะชี้เป้ากระเปาะเดินอากาศได้เช่นกัน ทำให้ใช้อาวุธนำวิถีและระเบิดนำวิถีเลเซอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับระบบอาวุธใหม่ๆได้ จึงทำให้ดูเหมือนว่าเครื่องทั้งสามแบบน่าจะทำการรบได้ถึงระดับเครื่องบินรบหลักเลย แต่จริงๆแล้วมีเพียงแบบเดียวที่สามารถทำการรบได้ถึงระดับเครื่องบินรบหลักก็คือ T-50 ครับ แต่ต้องทำการติดตั้งเรด้าร์และdata link ด้วย ซึ่งจะเป็นรุ่น A-50 หรือ F/A-50
yak-130 / M-346 ออกแบบเป็นเครื่องฝึกโดยเฉพาะและต้องเป็นเครื่องโจมตีเบาได้ ใช้ฝึก LIFT ใช้ในภาระกิจ CAS ซึ่งกระเปาะชี้เป้าจะช่วยให้ภาระกิจ CAS มีประสิทธิภาพสูงมาก แน่นอนว่าสามารถโจมตีหน่วยยานเกราะที่ไม่ได้มีระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบชั้นดีคุ้มครองอยู่ได้ด้วย ถือว่าประสิทธิภาพน่าประทับใจครับ ดีกว่า L-159 ซะอีก เป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับเป็นเครื่องโจมตีเบามากด้วยเพราะบินได้นิ่งดีและความคล่องเแคลวทางการบินดูจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ด้วยการออกแบบเครื่องที่บินต่ำกว่าเสียง บรรทุกอาวุธได้ 3-3.5 ตันมันน้อย ระยะปฎิบัติการมันสั้น ถึงแม้จะอัดทั้ง data link ระบบสงครมอิเลคทรดนิค ระบบเรด้าร์ SAR เข้าไป แต่เครืองไม่ได้ออกแบบตั้งแต่แรกว่าให้เหมาะสมกับการบินเจาะระบบป้องกันภัยทางอากาศเข้าไปทำลายกลุ่มยานเกราะ หรือเจาะเข้าไปหลังแนวข้าศึก และก็ไม่ได้เผื่อเอาไว้ว่าถ้าต้องจ๊ะเอ๋ะกับเครื่องบินขับไล่ข้าศึกแล้วจะสามารถเข้าไปพันตูได้เมื่อจำเป็นครับ
แต่ T-50 และ F/A-50 ออกแบบเผื่อเอาไว้ในเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นการนำแผนแบบเครื่องบินขับไล่โจมตีชั้นนำมาย่อส่วน ความเร็ว 1.4-1.5 มัค เครื่องยนต์กำลังสูง บรรทุกอาวุธได้ 4.5-5 ตัน รองรับระบบเรด้าร์ APG-67 V4 หรือ EL-2032 ซึ่งรองรับ SAR และ ฺBVR มันจึงสามารถทำการรบในแบบเครื่องบินหลักได้ทันทีครับเมื่อได้รับการติดตั้งระบบต่างๆ เช่น data link เรด้าร์ ระบบสงครามอิเลคทรอนิค จึงสามารถทำการรบด้วยจรวด BVR รุ่นใหม่ๆ และ หวังว่าจะสามารถใช้ AIM-9X ได้ด้วย บินเจาะระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ด้วย จากประสิทธิภาพขนาดนี้ อิสราเอลจึงสนใจมากๆ เพราะประเทศเขาอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรู ดังนั้นจึงต้องการเครื่องฝึกที่มีประสิทธิภาพเหลือล้นไว้ก่อน ส่วนอเมริกาก็มีโครงการ T-X ซึ่งต้องทดแทนทั้ง T-38 และในส่วนทร.อเมริกันก็ต้องปลด T-45 ในเวลาไม่นานนักเช่นกัน ผมว่า T-50 ก็มาวิน เพราะเป็นเครื่องออกแบบโดยอเมริกา ผลิตในเกาหลี รุ่นที่ลงบนเรือบรรทุกบ.ก็ต้องพัฒนาเพื่อทดแทน T-45 และทร.เกาหลีใต่เองก็ต้องการเรือบรรทุกบ. มีความเป็นไปได้สูงว่า T-50 F/A-50 จะมีรุ่นใช้งานบนเรือบรรทุกบ.
ดีลนี้ถ้าเน้นราคา ผมว่า Yaak-130 อาจจะมาครับ ถ้าการโมทำให้สามารถใช้ระเบิดแบบต่างๆในคลังของเราได้ ทิ้งระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ได้ ยิงมาเวอร์ริคได้ ยิงAIM-9Lได้ แค่นี้ก็เหลือเฟือสำหรับทอ.แล้วครับ ถ้าจำเป็นถึงขนาดต้องใช้กระเปาะชี้เป้า ก็คงไปจัดหาจากรัสเซียได้ทันทีเมื่อจำเป็นเท่านั้นครับ โดนราคาของระบบถูก
แต่ถ้าเน้นประสิทธิภาพ ผมเชียร์ T-50 F/A-50 ครับ ดีลนี้คุ้มค่าที่สุด เพราะจะได้เครื่องทีประสิทธิภาพพอๆกับ F-16 block 40 หรือ block 50 เลย