หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


กองทัพอากาศรัสเซียจะได้รับ Yak-130 จำนวน 65 ลำ ในปี 2017

โดยคุณ : kaypui42 เมื่อวันที่ : 13/11/2011 12:21:04

 

Foto: forums.eagle.ru
Russian Air Force to receive 65 Yak-130 jet trainers by 2017
RIA Novosti
10:50 08/11/2011
IRKUTSK, November 8 (RIA Novosti) - The Russian Defense Ministry will sign a contract with aircraft construction company Irkut on the delivery of 65 YakovlevYak-130 advanced jet trainers within the next two weeks, the commander-in-chief of the Russian Air Force, Col. Gen. Alexander Zelin, said on Tuesday.
The contract is expected to be fulfilled by 2017, he said, without elaborating on the contract price of the jets.
The Yak-130 Mitten jet trainer/light attack aircraft is a subsonic two-seat aircraft developed by the Yakovlev design bureau. The first planes were put into service with the Russian Air Force in 2009.
The Yak-130, with a maximum combat load of 3 tons, is able to replicate the characteristics of several 4  generation fighters.
Russia has also signed contracts with Algeria and Libya on the delivery of Yak-130 jets, but the Libyan contract has been frozen over the unrest that broke out in the country in February.
The president of the Irkut corporation told journalists on Tuesday the six jets intended for Libya could be reequipped and supplied to the Russian Air Force or another foreign customer.
The Russian Defense Ministry also has plans to purchase 28 Sukhoi Su-30SM multirole fighters (a specialized version of the thrust-vectoring Su-30MKI Flanker-H for Russian military) from Irkut in 2012.
The first two Su-30SM fighters are expected to be supplied to the Russian Air Force as early as next year, he added.

 

Foto: forums.eagle.ru

http://www.globalsecurity.org/wmd/library/news/russia/2011/russia-111108-rianovosti01.htm

http://thaidefense-news.blogspot.com/2011/11/yak-130-65-2017.html





ความคิดเห็นที่ 1


ทอ.ไทยไม่สนหรือครับเพราะตัวนี้น่าจะโมง่ายกว่ารุ่นอื่นเพราะอิตาลีมีส่วนร่วมในโครงการด้วย พัฒนาเป็น M-346 (เปลี่ยนชื่อซะงั้น )

ปกติส่วนตัวไม่ค่อยสนับสนุนเครื่องบินจากรัสเซียเท่าไหร่แต่ตัวนี้น่าสนใจมากครับ ราคาไม่แพงมากแล้วระบบน่าจะปรับตัวให้เข้ากับ NATO ได้

ง่าย หรืออาจเป็นแบบซื้อผ่านรัสเซียแต่ใช้ระบบของอิตาลี ราคาน่าจะถูกกว่า M-346 

หรือท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรครับ


โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 11/11/2011 20:31:20


ความคิดเห็นที่ 2


ในส่วนตัวคาดว่าช่วงนี้กองทัพอากาศคงยังไม่มีแผนจัดหาเครื่องบินฝึกใหม่ครับ เพราะ L-39ZA/ART ยังคงประจำการอยู่ แต่หากอนาคตข้างหน้าประมาณอีก 10 ปี นั้น L-39ZA/ART หากจำเป็นต้องปลดประจำการลง อีก 5 ปีข้างหน้าก็คงต้องดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินเข้าทดแทนได้แล้ว ยกเว้นว่าทำการปรับปรุงโครงสร้างยืออายุไปอีกระยะ ซึ่งการจัดหาเครื่องบินฝึกมีให้เลือก ทั้ง T-50 จากเกาหลี หรือ MB-346 จากอิตาลี(อันนี้ชอบเป็นการส่วนตัว) รวมทั้ง MIG-AT ของรัชเซีย ส่วน YAK-130 ของรัชเซียนั้น ถือว่าเป็นลูกคนละแม่แต่พ่อเดียวกันกับ MB-346 แต่ต่างกันที่ภายในบ้างเพื่อให้ได้ตามมาตรฐานรัชเซีย ซึ่งจะว่าไปก็น่าสนใจอยู่ครับ แต่หากการจะปรับปรุงให้ได้มาตรฐานนาโต้นั้นไม่แน่ใจว่าจะทำให้ราคาค่าตัวไม่แตกต่างจาก MB-346 หรือเปล่าซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นสู้จัดหา MB-346 ปเลยดีกว่าครับ เว้นแต่ว่า เราเปลี่ยนแค่ระบบไม่กี่อย่างให้ได้มาตรฐานาโต้ที่เราใช้อยู่ ส่วนอื่นยังใช้รัชเซียน่าจะประหยัดงบลงแต่เราพอใจตรงนั้นหรือไม่ครับ แต่ลึกๆเชื่อว่า ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ เกาหลีอาจจะวินก็ได้ครับ

 

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 11/11/2011 20:51:24


ความคิดเห็นที่ 3


 

ในมุมมองของผมการปรับปรุงระบบบางอย่างที่ให้เข้ากับของเราได้น่าจะเป็นทางเลือกครับ เช่นระบบสื่อสาร ระบบอาวุธอย่างเช่นที่เชื่อมกับ L-39 เป็นต้นครับ อนาคตยังอีกยาวครับตัวเลือกมีมากแน่นอนแต่สิ่งที่จะตามมาในตัวเลือกต่างๆคือราคา ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวติดสินเลยทีเดียวก็ว่าได้ ถ้าจะมองเรื่องการซ่อมบำรุงอย่างน้อยถ้าเกิดก็คงไม่ยากจนเกินไป เพราะเราก็มีประสพการณ์จากการซ่อมทำเครื่องที่มาจากรัสเซียอยู่ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด(ถาเป็นจริง) ทอ.มีการตัดสินใจเลือกแบบเครื่องเป็นเพื่อทดแทน L-39 ZA/ART ในอีก 5-10 ข้างหน้า หนึ่งในตัวเลือกน่าจะมี YAK-130 สอดแทรกเข้ามา ส่วนสาวเกาหลีอาจที่อาจจะเข้าวินก็ด้วยเหตุผลทางด้านความเป็นมาตราฐานที่เราเคยใช้เครื่องบินที่มีระบบคล้ายคลึงกัน(F-16  น้อย ของเกาหลี) เหตุผลที่บอกว่า YAK-130 น่าสนใจก็เพราะระบบต่างๆของเครื่องบินYAK-130 น่าจะอ่อนตัวต่อการปรับปรุงและการเปลี่ยนจากเครื่องบินฝึกการเป็นเครื่องบินโจมตีขนาดเบาหรือสนับสนุนทางอากาศได้ง่ายและติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย ความเร็ว ความคล่องตัว น้ำหนักบรรทุก การอยู่รอดในสนามรบน่าจะมีมากกว่าเครื่องบินบางรุ่นที่บางรุ่นดัดแปลงมาจากเครื่องบินฝึก และสิ่งที่เห็นในพัฒนาการต่างๆที่เกิดขึ้นในเครื่องบินรุ่นนี้คือ ระบบสถาปัตยกรรมภายในที่มีความทันสมัยและยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิด แอร์เฟรมแข็งแรงขึ้นเพื่อรองรับนำหนักบรรทุกและรองรับกำลังของเครื่องยนต์ ถึงแม้โอกาสอาจจะเป็นไปได้น้อยแต่ก็ไม่น่าจะมองข้ามเครื่องบินรุ่นนี้ไป

ไม่รู้ว่าอนาคตหวยจะออกตัวไหนก็ไม่เป็นไรครับ ดูข้างล่างครับ คงต้องหาเงินค่าสินสอดเยอะน่าดู55+

 



โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 11/11/2011 22:43:17


ความคิดเห็นที่ 4


เรื่อง บ.ฝึก ผมอยากเอนไปทาง Kawasaki T-4 มากกว่านะ

จากการเปิดอาเซียน และ JFTA ผมว่าการชักชวนให้ยุ่นมาเปิดโรงงานผลิตในไทย จะลดต้นทุนการผลิตลงมาก

และเงินทองส่วนหนึ่งยังอยู่ในประเทศอีกด้วย แต่คงต้องดูความสามารถในการชักจูงของรัฐบาล

เพราะผมก็ไม่ทราบว่า การเปิด JFTA กับรัฐธรรมณูญญี่ปุ่นมันขัดกันฤป่าว

โดยคุณ fulcrum37 เมื่อวันที่ 11/11/2011 23:15:20


ความคิดเห็นที่ 5


สำหรับ YAK-130 นั้นจัดว่าเป็นเครื่องบินฝึกที่มีสมรรถนะสูง โดยตามข้อกำหนดของรัชเซียนั้นจะต้องเป็นแบบสองเครื่องยนต์เนื่องจากประสปการณ์ของรัชเซียจากการใช้งานเครื่องบินไอพ่นฝึก L-39 ที่กำลังขับของเครื่องยนต์ค่อนข้างต่ำทำให้เกิดอาการสตอลและประสปอุบัติเหตุ สังเกตว่า เครื่องบินไอพ่นฝึกที่รัชเซียพัฒนาขึ้นมาทั้ง MIG-AT ที่พัฒนาร่วมกับฝรั่งเศษ และ YAK-130 ที่พัฒนาร่วมกับอิตาลี่ นั้นจะมีสองเครื่องยนต์ โดยส่วนตัวผมจะชื่นชองรูปร่างที่ทันสมัยและสมรรถนะของ YAK-130 เป็นพิเศษ พออิตาลี่ออก MB-346 มาด้วยในมาตรฐานนาโต้เลยดูจะสนใจใน MB-346 ซึ่งเท่าที่เคยได้ยินข่าว่า สิงคโปร์ ได้ตกลงเลือก MB-346 ในการจัดหาเครื่องบินไอพ่นฝึก

ส่วนสำหรับกองทัพอากาศไทยเรานั้น ในส่วนตัวผมมองไปที่ T-50 จากเกาหลีใต้นั้นเพราะเป็นเครื่องบินที่มีพื้นฐานมาจาก F-16 ที่เรามีใช้งาน รวมทั้งเครื่องยนต์นั้นมีพื้นฐานเดียวกันกับเครื่องยนต์ JAS-39C/D ที่เราจัดหามาใช้งานในปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้เคียงกับการปลดประจำการ L-39ZA/ART เครื่องบิน Alpha Jet ที่ใช้ในภารกิจสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดอาจจะต้องปลดเช่นกันซึ่งอาจจะทำให้ กองทัพอากาศอาจจะสามารถที่จะจัดหา F/A-50 ที่มีพื้นฐานจาก T-50 ต่อได้ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนชิ้นส่วนอะไหล่ได้อย่างดี อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีค่อนจะแนบแน่นกันอย่างดีครับ แต่ทั้งนี้ กองทัพอากาศจะมีงบพอที่จะจัดหาในช่วงเวลานี้หรือไม่เท่านั้นครับ เพราะอีก 10-15 ปีข้างหน้า F-16A/B ฝูง 103 จะต้องปลดประจำการลง(รวมทั้ง F-16ADF ฝูง 102 ด้ว)และคงต้องหาเครื่องบินขับไล่ใหม่มาทดแทน น่าหนักใจจริงๆครับ

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 12/11/2011 01:53:35


ความคิดเห็นที่ 6


ถ้าคิดจะซื้อ Yak-130 สู้ซื้อ M-346 ไปเลยดีกว่า ถึงราคาจะสูงกว่า แต่เป็นระบบนาโต้แท้ๆ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร ซึ่งถ้าซื้อ Yak-130 แล้วดัดแปลงให้เป็นระบบนาโต้ มันจะยุ่งยากมาก เพราะไม่ได้ออกแบบมาตั้งแต่ทีแรก และใครจะรับประกันได้ว่าประสิทธิภาพของเครื่องจะยังเหมือนเดิม

             แถมเรื่องอะไหล่ การบำรุงรักษา ของรัสเซียก็ไม่น่าไว้วางใจ ระบบอาวุธต่างๆก็ไม่เข้ากันกับที่ทอ.ใช้อยู่ในปัจจุบัน สรุปว่าซื้อ M-346 ดีกว่า สามารถใช้ IRIS-T Missile ได้ด้วยนะ จะได้เป็นแบบแผนเดียวกับ Gripen 



โดยคุณ illuminati เมื่อวันที่ 12/11/2011 09:30:36


ความคิดเห็นที่ 7


พูดคุยเรื่องเครื่องที่จะมาแทน L-39 กับ Alpha jet ทีไรแสรงเรื่องเงินที่ทอ.ต้องจัดหาทุกทีเลย    โดยส่วนตัวผมชอบ T-50 เหมือนเดิมครับเพราะประสิทธิภาพของเครื่องสูงที่สุด  เกือบเท่า jas-39 เลยแต่จ่ายแพงกว่า 4-5 ล้านเหรียญ    แม้จะไม่ใช้รุ่น a-50 หรือ f/a-50  แต่ก็มีประสิทธิภาพสูงมาก  สามารถติดตั้งกระเปาะเดินอากาศและชี้เป้าด้วยเลเซอร์ได้   ทำให้ประสิทธิภาพในการโจมตีดีมากพอๆกับ F-16  และถ้าถึงคราวจำเป็นก็สามารถอัปเกรดเครื่องได้ง่าย เช่นติดตั้งเรด้าร์     ถ้าเครื่องฝึกเป็น t-50 มาแทน L-39 และ a-50 มาแทน alpha jet  จะเเป็นอะไรที่ลงตัวมากเนื่องจากอะไหล่ต่างๆก็ทดแทนกันได้มากการบริหารในส่วนนี้จะง่ายขึ้นมาก      แต่ราคาค่าตัวนี่.....ประสิทธิภาพก็อาจเกินความต้องการของทอ.เพราะสามารถบินเจาะระบบป้องกันภัยทางอากาศได้เลย(แต่เพื่อนบ้านนอนสะดุ้ง)

   ถ้าเงินคือปัจจัยหลักปั๊บ   งานนี้คงจบที่ Yak-130 แบบที่ท่าน ALPHA001 พูดก็ได้ครับ   เพราะถ้าจัดหาระบบที่ต้องใช้ร่วมกันได้ เช่นระบบสื่อสาร  แบบที่ทอ.จัดหา L-39   ก็จะได้ราคาต่ำที่สุด  โดยยังสามารถทำการรบสนับสนุนได้ด้วย   แต่ถ้าต้องใช้กระเปาะชี้เป้าก็คงต้องไปหาของรัสเซียและระบบของรัสเซียมาใช้ด้วย   ยุ่งพอสมควร     แต่ถ้าจะตัดเรื่องนี้ก็ต้องไปใช้ M-346 ซึ่งรองรับกระเปาะชี้เป้า  รองรับระบบอาวุธตะวันตกทุกแบบที่ใหม่ๆเจ๋งๆ   แต่ราคาก็เกือบไปติดกับ T-50 แล้ว  ต่างกันแค่ 4 ล้านเหรียญ

   ถ้าเน้นราคา yak-130 อาจมาจริงๆก็ได้ครับ  เหมือน L-39 กับ hawk ที่เคยพิจารณาการจัดหา   แต่ถ้าจะไปเล่น M-346 เพิ่มเงินอีกนิดโดดไปเล่น T-50 เลยดีกว่าครับ

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 12/11/2011 11:18:45


ความคิดเห็นที่ 8


ขอโทษครับผมพิมพ์ตกหล่น     ข้อความที่ว่า  

         เกือบเท่า jas-39 เลย แต่จ่ายแพงกว่า 4-5 ล้านเหรียญ    จริงๆต้องเป็น   

         เกือบเท่า jas-39 เลย  แต่จ่ายแพงกว่า M-346 4-5 ล้านเหรียญ   ครับ    ตกไปแค่คำเดียวความหมายเปลี่ยนไปมากเลย

           

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 12/11/2011 11:27:23


ความคิดเห็นที่ 9


ใช่ครับพูดเรื่องนี้ทีไรก็หายใจไม่คล่องล่ะ55+ สุดท้ายงบประมาณและความเหมาะสมกับนโยบายก็คือตัวกำหนดทิศทางของการจัดหา อย่างที่ท่านข้างบนว่าล่ะครับถ้าเราจะจัด M-346 กับเราจ่ายเพิ่มอิกนิดหน่อยเอา T-50 ไม่ดีกว่าหรือ แล้วประสิทธิภาพมันก็เกินจากความต้องการจากที่เราต้องการมันมาเป็นเครื่องบินฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อไปสู่เครื่องที่สมรรถนะสูงกว่า (แต่ผมยังแอบฝันอยู่ว่าถ้าเป็น T-50 ก็น่าจะดีที่สุดในบรรดา 3 รุ่นที่กล่าวมา) แต่ที่คาวมเห็นของผมลงที่ YAk-130 ทั้งที่ก็ยังห่วงถึงระบบการส่งกำลังบำรุงก็ตาม เหตุผลหลักส่วนตัวนะครับ55+สมรถนะมันไม่ไกล้กับเครื่องบินขับไล่/โจมตีหลักหรือไกลกันจนเกินไปครับ 

ขอขำนิดนะครับ ผิด1คำความหมายเปลี่ยนหรือเว้นวรรคผิดความหมายก็เปลี่ยนเช่นกันครับยกตัวอย่าง

ยานี้กินแล้วแข็ง แรงไม่มี โรคภัยมาเบียดเบียน  มุขจะแป็คไหมน้อ 55+

โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 12/11/2011 20:32:27


ความคิดเห็นที่ 10


อ้าวกรรม แก้ครับ สมรถ เป็น สมรรถนะ ครับ ==

โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 12/11/2011 20:34:23


ความคิดเห็นที่ 11


ราคาล่าสุดที่เห็นลงโดยวิกิบอกว่า M-346 ราคา 20 ล้านยูโร   แปลงเป็นดอลล์และบาทไทยได้ประมาณ  27 ล้านดอลล์ หรือประมาณ  810 ล้านบาทต่อเครื่อง   แต่ราคานี้ไม่รู้ว่ามีอ๊อปชั่นอะไรบ้างครับ เพราะราคากระเปาะชี้เป้าเดินอากาศก็เป็นร้อยล้านแล้ว 

   ส่วน T-50 วิกิลงไว้ว่า 21 ล้านเหรียญต่อลำ   แต่เห็นดีลที่ขายให้ทอ.อินโด  ราคาเฉลี่ยต่อลำราวๆ 26-27 ล้านเหรียญ   แสดงว่าราคาของเครื่องสองแบบตอนนี้ราคาพอๆกันครับ 

   ส่วน yak-130  ราคาที่วิกิลงบอกว่า 15 ล้านเหรียญเท่านั้น  นั่นคือราคา 450 ล้านบาทต่อเครื่อง!  รัสเซียซื้อได้ถูกเน๊อะ  

   เครื่องทั้ง 3 แบบสามารถรองรับการใช้กระเปาะชี้เป้ากระเปาะเดินอากาศได้เช่นกัน   ทำให้ใช้อาวุธนำวิถีและระเบิดนำวิถีเลเซอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   รองรับระบบอาวุธใหม่ๆได้   จึงทำให้ดูเหมือนว่าเครื่องทั้งสามแบบน่าจะทำการรบได้ถึงระดับเครื่องบินรบหลักเลย   แต่จริงๆแล้วมีเพียงแบบเดียวที่สามารถทำการรบได้ถึงระดับเครื่องบินรบหลักก็คือ T-50 ครับ  แต่ต้องทำการติดตั้งเรด้าร์และdata link ด้วย ซึ่งจะเป็นรุ่น A-50 หรือ F/A-50

  yak-130 / M-346 ออกแบบเป็นเครื่องฝึกโดยเฉพาะและต้องเป็นเครื่องโจมตีเบาได้    ใช้ฝึก LIFT ใช้ในภาระกิจ CAS ซึ่งกระเปาะชี้เป้าจะช่วยให้ภาระกิจ CAS มีประสิทธิภาพสูงมาก  แน่นอนว่าสามารถโจมตีหน่วยยานเกราะที่ไม่ได้มีระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบชั้นดีคุ้มครองอยู่ได้ด้วย   ถือว่าประสิทธิภาพน่าประทับใจครับ  ดีกว่า L-159 ซะอีก    เป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับเป็นเครื่องโจมตีเบามากด้วยเพราะบินได้นิ่งดีและความคล่องเแคลวทางการบินดูจะไม่ค่อยดีเท่าไร  แต่ด้วยการออกแบบเครื่องที่บินต่ำกว่าเสียง   บรรทุกอาวุธได้ 3-3.5 ตันมันน้อย   ระยะปฎิบัติการมันสั้น   ถึงแม้จะอัดทั้ง data link  ระบบสงครมอิเลคทรดนิค  ระบบเรด้าร์ SAR เข้าไป   แต่เครืองไม่ได้ออกแบบตั้งแต่แรกว่าให้เหมาะสมกับการบินเจาะระบบป้องกันภัยทางอากาศเข้าไปทำลายกลุ่มยานเกราะ   หรือเจาะเข้าไปหลังแนวข้าศึก   และก็ไม่ได้เผื่อเอาไว้ว่าถ้าต้องจ๊ะเอ๋ะกับเครื่องบินขับไล่ข้าศึกแล้วจะสามารถเข้าไปพันตูได้เมื่อจำเป็นครับ

   แต่ T-50 และ F/A-50  ออกแบบเผื่อเอาไว้ในเรื่องนี้ด้วย   เพราะเป็นการนำแผนแบบเครื่องบินขับไล่โจมตีชั้นนำมาย่อส่วน   ความเร็ว 1.4-1.5 มัค  เครื่องยนต์กำลังสูง    บรรทุกอาวุธได้ 4.5-5 ตัน  รองรับระบบเรด้าร์ APG-67 V4  หรือ EL-2032  ซึ่งรองรับ SAR และ ฺBVR   มันจึงสามารถทำการรบในแบบเครื่องบินหลักได้ทันทีครับเมื่อได้รับการติดตั้งระบบต่างๆ เช่น data link  เรด้าร์  ระบบสงครามอิเลคทรอนิค   จึงสามารถทำการรบด้วยจรวด BVR รุ่นใหม่ๆ และ หวังว่าจะสามารถใช้ AIM-9X ได้ด้วย   บินเจาะระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ด้วย   จากประสิทธิภาพขนาดนี้  อิสราเอลจึงสนใจมากๆ  เพราะประเทศเขาอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรู   ดังนั้นจึงต้องการเครื่องฝึกที่มีประสิทธิภาพเหลือล้นไว้ก่อน    ส่วนอเมริกาก็มีโครงการ T-X ซึ่งต้องทดแทนทั้ง T-38 และในส่วนทร.อเมริกันก็ต้องปลด T-45 ในเวลาไม่นานนักเช่นกัน   ผมว่า T-50 ก็มาวิน  เพราะเป็นเครื่องออกแบบโดยอเมริกา ผลิตในเกาหลี       รุ่นที่ลงบนเรือบรรทุกบ.ก็ต้องพัฒนาเพื่อทดแทน T-45 และทร.เกาหลีใต่เองก็ต้องการเรือบรรทุกบ. มีความเป็นไปได้สูงว่า T-50 F/A-50 จะมีรุ่นใช้งานบนเรือบรรทุกบ.

      ดีลนี้ถ้าเน้นราคา  ผมว่า Yaak-130 อาจจะมาครับ   ถ้าการโมทำให้สามารถใช้ระเบิดแบบต่างๆในคลังของเราได้  ทิ้งระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ได้  ยิงมาเวอร์ริคได้  ยิงAIM-9Lได้   แค่นี้ก็เหลือเฟือสำหรับทอ.แล้วครับ  ถ้าจำเป็นถึงขนาดต้องใช้กระเปาะชี้เป้า  ก็คงไปจัดหาจากรัสเซียได้ทันทีเมื่อจำเป็นเท่านั้นครับ   โดนราคาของระบบถูก

     แต่ถ้าเน้นประสิทธิภาพ   ผมเชียร์ T-50  F/A-50 ครับ   ดีลนี้คุ้มค่าที่สุด   เพราะจะได้เครื่องทีประสิทธิภาพพอๆกับ F-16 block 40 หรือ block 50 เลย  

 

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 13/11/2011 01:21:04