อยากทราบว่าระบบลอกเป้าของเครื่องแต่ละแบบสามารถลอกได้กี่เป้า
ความค่ลองตัวเห็นsu30มี2เครื่องและตัวไอพ่นหมุนปรับทิศได้จะทำให้ค่ลองตัวก่วาF16 jas39มั้ย
และไทยถ้าต้องเจอกับsu30ของเพื่อนบ้านเราก็มีโอกาศเกิดdog fightสูงเพราะดินแดนไม่ได้อยู่ห่างมากเครื่องรุ่นใดจะได้เปรียบสูงสุด
แล้วนักบินคนหลังมีหน้าที่อะไรคับเห็นsu30มีแต่แบบ2ที่นั่งมีแบบที่นั่งเดียวมั้ย
ถ้าจะเล่นหมากัดกัน ผมไห้น้องหยาดครับ เพราะฟัดกันไปฟัดกันมา ซูจะแพ้ภัยตัวเองเพราะนำมันหมดก่อนเพราะ ซู ซดนำมันเปลืองมากก่าน้องหยาดมาก จุดแข็งของน้องหยาดที่ไม่มีไครเหมือนคือประหยัดนำมันนี่แหละ (ในกรณีที่แบกนำมันอัตราส่วนเท่าๆกันนะ)
อยากทราบว่าระบบลอกเป้าของเครื่องแต่ละแบบสามารถลอกได้กี่เป้า
ถ้าลอกด้วยมือก็ลอกไปจนกว่าจะเมื่อยนั่นแหละ แต่ถ้าใช้เครื่องถ่ายเอกสารช่วย
ก็ลอกได้จนกว่าหมึก หรือ กระดาษ อะไรจะหมดก่อนกัน
555+ ขอขำด้วยคนคับ(ครับ) ^_^ ใจเย็นๆครับเวลาพิมพ์อ่านทวนแล้วค่อยกดส่ง(ว่าแต่คนอื่นผมก็เป็นเหมือนกัน555)
ล็อค ครับ ไม่ใช่ ลอก ถ้าลอกล่ะก็อิอิอิอิ ลองถามนักเรียน ม .ต้น ดูนะครับว่ามันสุดยอดขนาดไหน 55555 เป้าหมายมากมายก็
ลอกได้ครับ ^_^ อย่าโกรธกันนาคลายเครียดน้ำท่วม ^_^
เอาสาระนิดหน่อย ข้อมูลเรื่องเรดาห์ของเครื่องแต่ละรุ่นเคยอ่านจากหนังสือ สมรภูมิ เมื่อนานมาแล้ว เอาแบบรวมๆก็แล้วกัน(ถ้าว่าง
จากงานหนักสักคราเดี๋ยวหามาให้อ่านครับ) โดยรวมเครื่องบินรบในยุค 4.0-4.5 การตรวจจับเป้าหมายคงไม่เกิน24-32เป้าหมาย
ลอก(ล็อค)เป้าได้จริงคงอยู่ประมาณ 4-8 เป้าหมาย และตีต่อเป้าหมายก้ประมาณ 2-4 เป้าหมาย อย่างเช่น SU 30 กับ SU 35
ลองไปดูที่คลิในยูทูปของ SU-35 ผิดถูกท่านไดมีข้อมูลเอามาแชร์กันครับ (ไม่ใช่แชร์แม่ชม้อยเด้อพี่น้อง) ^_^
ถ้ากล่าวถึงในเรื่องสมรรถนะของเครื่องบินทั้งสามแบบนี้แบบตัวต่อตัวไม่เอาตัวช่วย SU-30 มีขีดความสามารถสูงที่สุดครับ ถ้าระยะตรวจจับได้ระหว่าง SU-30 กับ JAS-39C/D นั้นอาจจะตรวจจับได้พร้อมกันด้วยค่า RCS ของ JAS-39C/D นั้นต่ำแต่ของเรดาร์ SU-30 นั้นตรวจจับได้ในระยะไกล ส่วนเรดาร์ของ JAS-39C/D นั้นตรวจจับได้ใกล้กว่า แต่ขนาดของ SU-30 นั้นใหญ่ คงต้องมองถึงระยะยิงของอาวุธ ส่วนการด็อกไฟต์นั้น ต้องยอมรับว่า SU-30นั้นมีความคล่องตัวมากจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ และถ้าเป็น SU-30MKI ของอินเดีย หรือ SU-30MKM ของมาเลเซียนั้นมีคานาดหน้าและท่อปรับทิศทางทำให้มีความคล่องแคล่วยิ่งขึ้น ซึ่งรวมกับคุณลักษณะของการเป็นเครื่องบินครองอากาศแล้วทำให้ SU-30 บินได้นานกว่า JAS-39C/D แต่ข้อเสียเปรียบที่ SU-30 นั้นก็คือค่าการซ่อมบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายในการบินสูงมากซึ่งอาจจะมีผลต่อความพร้อมรบได้ในขณะที่ JAS-39C/D มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการปฏิบัติภารกิจต่ำ ทำให้มีพร้อมรบสูง ส่วนเรื่องของ ดาต้าลิงค์นั้น F-16C/D ก็มีได้ครับ รวมทั้งการใช้เครื่องบินแจ้งเตือนภัยทางอากาศนั้นต้องเข้าใจว่าไม่ได้มีแค่ประเทศที่ใช้ JAS-39 เท่านั้นที่มีจึงไม่เอามาเป็นข้อได้เปรียบของ JAS-39C/D ครับ ส่วนF-16C/D+ หรือ F-16MLU ที่เรากำลังทำให้กับ ฝูง 403 นั้นก็มีขีดความสามารถไม่ได้ด้อยกว่า JAS-39C/D ครับ ทั้งนี้ผลแพ้ชนะขึ้นอยู่กับ ยุทธวิธี ทักษะไหวพริบของนักบิน และความพร้อมรบของเครื่องบินที่ประจำการครับ ไม่ได้แปลว่าเครื่องบินดีกว่าจะชนะเสมอไป
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
จากที่ฟังๆมาจากหลายๆความเห็น คำตอบคุณ เด็กทะเล ไห้คำตอบเกี่ยวกับสมรรถนะของเครื่องบิน ได้อย่างชัดเจนตรงจุด และไม่เสริมเติมแต่ง ข้อมูลถูกต้องเป็นที่สุด รู้สึกว่าเครื่องบินอีกแบบที่มีดาต้าลิ้งค์นี่ นอกจากF-22 แล้ว อิกรุ่นMIG-25 หรือMIG-31 ผมไม่ค่อยแน่จัยนะ
วัดเพียวๆแบบหมากัด เครื่องบินรัสเซียหลายตัวก็ยังทำได้ดีอยู่ครับอย่างMig-29/21 เดิมทีพวกนี้ถูกสร้างมาเพื่อขับไล่สกัดกั้นโดยเฉพาะ ฉะนั้นก็ตรงนี้อยู่ที่นักบิน
แต่ในการรบจริงอยู่ที่ยุทธิวิธีและตัวช่วย เห็นก่อนยิงก่อน เห็นก่อนระยะยิงไม่ถึงก็แย่อยู่ ถ้าเอาแบบง่ายๆSu-30ยิงเราที่ระยะไกลสุดแล้วบินหนีไป เราเองก็หนีเอาตัวรอดจากแซมให้ได้ เดิมทีการต่อกรกับค่ายรัสเซียที่มีระยะค้นหาไกล อาวุธยิงยาวต้องมีอปุกรณ์ช่วยเช่นจากเครื่องบินแจ้งเตือนที่ค้นหาได้ไกลกว่า อุปกรณ์ทำสงครามอิเล็คทรอนิคที่ก่อกวนการทำงานของSu-30ไม่ให้ล็อคเป้า(โดยเฉพาะจรวดแบบAA-10) เพื่อให้เราเข้าไปอยู่ในระยะยิงได้มากขึ้นน่ะครับ เพราะวัดเพียวๆแบบเรดาห์ผสมอาวุธSu-30ค่อนข้างได้เปรียบทีเดียว ค้นหาก็ไกลอาวุธก็ยิงไกลอีก ยกเว้นเสียแต่อาวุธของเราจะยิงไกลพอๆกับฝั่งของSu-30 ใช้ความเล็กหน้าตัดเรดาห์ต่ำของกรีเพ้นลอบเข้าไปซัดในระยะยิงของเรา
ซึ่งส่วนใหญ่รอบบ้านเราที่ใช้Su-30 อาวุธพื้นๆอย่างAA-10/12 ระยะยิงเริ่มต้นที่80ก.ม.ขึ้นไป ความเร็วยิ่งไม่ต้องพูดถึง4.5มัค
Dogfight แบบไหนล่ะครับ
ถ้าใช้แต่ปืนใหญ่อากาศ ความคล่องแคล่วอาจพอจะทำให้ได้เปรียบมั่ง
แต่ปืนใหญ่เดี๋ยวนี้ใช้เรดาห์ช่วยเล็งแล้วนะ
แต่ถ้าใช้ asraam missile
เรดาห์ไกลกว่า>>>เห็นการเคลื่อนไหวก่อน รู้ทิศทางว่าจะมาทางไหน
แรงขับมากกว่า>>>>สามารถบิน Jump สู่ตำแหน่งที่ได้เปรียบทางยุทธวิธี ได้ก่อน
Lock on >>>ยิงก่อน นัดเดียวก็เรียบร้อย
ความคล่องแคล่วไม่ได้ช่วยอะไรเลย