นานๆกลับมาทีขอเขียนบทความเล็กน้อยๆ ที่แปลสดจากวิกิลวกๆ
ขอปูพื้นก่อนจะเข้าเรื่องเรือเหาะนะครับ
เครื่องบิน นอกจากจะสามารถบินขึ้นจากพื้นดินคือสนามบิน และจากฐานในทะเลคือเรือบรรทุกเครื่องบินแล้ว ยังได้มีแนวคิดในการปล่อยจากทางอากาศด้วย อากาศยานประเภทนี้เรียกว่า Airborne aircraft carriers ผมอาจจะแปลแปลกๆว่า อากาศยานบรรทุกอากาศยาน (มึน) ซึ่งเราเองก็คงพบเห็นมาแล้วเช่น การปล่อยเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงลำแรกคือ เบลล์ เอ็กซ์วัน (Bell X1) จากเครื่องบี-50 (ญาติกับบี29) ซึ่งจริงๆแล้วเจ้าเอ็กซ์หนึ่งนี่ไม่น่าเรียกว่าเครื่องบินด้วยซ้ำไป เหมือนกับเอาเครื่องยนต์จรวดมาติดให้มันไปได้เร็ว และร่อนลงจอดได้ แต่บินขึ้นเองไม่ได้
แต่เครื่องบินลูกแบบปล่อยจากเครื่องบินแม่นี้ ก็ได้ถูกใช้เป็นอาวุธครั้งแรกในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งก็ไม่เชิงจะเรียกว่าเครื่องบิน แต่มันคือจรวดวี1 อันขึ้นชื่อลือชานั้นเอง วีหนึ่งสามารถปล่อยจากรางยิงบนภาคพื้นดินได้ ใช้ถล่มเกาะอังกฤษและที่ตั้งของฝ่ายสัมพันธมิตรในยุโรป ภายหลังผสมโรงขีปนาวุธอย่างวี2 เข้าไปอีกยิ่งทำให้นรกแตก มากล่าวถึงวี1 ต่างจากวี2ก็คือ วี1มีลักษณะเหมือนเครื่องบิน เรียกว่าเป็นจรวดบิน หรือลูกระเบิดบิน เป็นต้นแบบจรวดร่อนในยุคนี้ โดยเครื่องบินแม่ที่สามารถบรรทุกวี1ได้ ได้แก่เครื่องสี่เครื่องยนต์อย่าง FW 200 คอนดอร์,เอชอี 111 H-22s รุ่นดัดแปลงพิเศษ และเครื่องบินทิ้งระเบิดไอพ่นลำแรกของโลก Arado Ar 234 ที่สหรัฐเจอต้องตะลึง เพราะเร็วและสอยไม่ทัน ระเบิดสะพานที่รามาเกนสำเร็จในปี1945
ภาพ
1.เอ็กซ์วัน
2.บี50 ขณะกำลังติดตั้งเอ็กซ์1
3.วี1 ระเบิดร่อน
4.เอฟดับบลิ้ว 200 คอนดอร์ สี่เครื่องยนต์เจ้าทะเล
5.เอราโด เออาร์ 234
แหล่งข้อมูล
http://en.wikipedia.org/wiki/Airborne_aircraft_carrier
http://en.wikipedia.org/wiki/Bell_X-1
http://en.wikipedia.org/wiki/Ohka
http://en.wikipedia.org/wiki/V1_Flying_Bomb
http://en.wikipedia.org/wiki/Heinkel_He_111
http://en.wikipedia.org/wiki/Fw_200
http://en.wikipedia.org/wiki/Arado_Ar_234
พิมพ์ยาวจนล็อคหลุดกันเลยทีเดียว..
ถึงแม้ว่าวี1จะใช้เครื่องยนต์ไอพ่นซึ่งถือว่าล้ำยุคที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สองขณะนั้น แต่มันก็ยังบินได้ไม่เร็วนัก เนื่องจากหลักการของมันคือการร่อนเข้าหาเป้าหมายนั้นเอง ดังนั้นจึงรับมือง่ายกว่าขีปนาวุธอย่างวี2ซะอีก หลังจากอังกฤษตะลึงได้ไม่นาน ก็ได้เริ่มปรับแผนรับมือจรวดวี1 ด้วยการส่งเครื่องบินขับไล่อย่างสปิตไฟร์ หรือเฮอร์ริเคน ไปบินรอจรวดวี1ก่อนบินมาถึงเกาะอังกฤษเลยทีเดียว วิธีทำลายก็คือการเข้ายิงทำลาย และที่แสบที่สุดและประหยัดที่สุดก็คือ นักบินสปิตไฟร์จะไปบินเทียบข้างวี1 แล้วใช้ปีกช้อนหรือปัดปีกของวี1 ให้เสียการทรงตัวและตกไปเอง (เทพ)
มาดูทางด้านแปซิฟิกกันบ้าง ซึ่งสยองขวัญกว่านาซีอีก ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังจวนเจียนจะแพ้สงครามนั้น ก็ได้จัดตั้งกองบินพิเศษขึ้นมา ซึ่งมันไม่ใช่กองบินพิเศษธรรมดา เพราะนักบินจะได้บินไปไม่กลับ นั้นคือฝูงบิน กามิกาเซ่ อันลือชื่อนั้นเอง ที่มาของชื่อมาจากลมสวรรด์ ที่ในอดีตยุคมองโกลรุกรานญี่ปุ่น ล่องเรือตั้งไกลมาหมายจะยึดญี่ปุ่น แต่มากี่ครั้งก็เจอลมพายุพัดทำกองเรือล่มเสียหายไปอันมากก่อนขึ้นบก พอขึ้นบกได้ก็เหลือน้อย เจอซามูไรเจี้ยนหมด (จริงๆแล้วก็คือมองโกลไม่รู้เรื่องบุกฤดูมรสุม) ตั้งแต่นั้นมาชาวญี่ปุ่นก็เรียกพายุนี้ว่าลมสวรรค์เพราะช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากพวกมองโกล มาคราวนี้ก็คิดว่ากามิกาเซ่นี้จะช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากสหรัฐไปได้อีกราย
แต่คราวนี้คนญี่ปุ่นไม่ได้รอสวรรค์ช่วย แต่เป็นการใช้ลมมนุษย์เอาเองดื้อๆนี่ละ ซึ้งต้องยอมว่าลัทธิบูชิโดกับความรักชาติของคนญี่ปุ่นปลูกฝังได้อย่างลงรากลึกมาก ทำให้เหล่านักบินที่ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่กลัวตาย ยอมสละชีพเพื่อชาติ นักบินส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัคร ฝึกให้เพียงขึ้นบินได้แบบงูๆปลาๆเท่านั้น ส่วนนักบินฝีมือดีทางการยังอยากสงวนไว้ เพราะมีฝีมือในการรบกับข้าศึกได้อยู่ หลักการของกามิกาเซ่ก็คือ เครื่องบินบรรทุกระเบิดเต็มลำ (ไม่แน่ใจว่าไม่บรรจุกระสุนปืนกลเลยหรือไม่) บินฝ่าห่ากระสุนปตอ.ของกองเรือสหรัฐเข้าไปให้ได้ แล้วพุ่งเข้าชนกับเรือข้าศึก แรงพุ่งชนสามารถทำให้เครื่องเจาะทะลุเข้าไปในเรือได้ และหากเจาะไปถึงคลังเก็บกระสุนได้ บวกกับระเบิดที่บรรทุกมาก็ยิ่งทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เป็นการแลกชีวิตนักบิน1คน เครื่องบินหนึ่งลำ กับเรือขนาดใหญ่หนึ่งลำ และลูกเรือจำนวนมากได้
ปฏิบัติการครั้งแรกเกิดขึ้นในการรบที่อ่าวเลเต้ในฟิลิปปินส์ ซึ่งสหรัฐเตรียมการยกพลขึ้นบกฟิลิปปินส์คืน ตามคำสัญญาที่นายพลแม็กอาเธอร์เคยเปล่งวาจาไว้ ก่อนออกจากฟิลิปปินส์ ไปเกาะออสเตรเลียตามคำสั่งประธานาธิบดีว่า "ข้าพเจ้าจะกลับมา" แต่ก่อนที่จะได้มา ญี่ปุ่นก็ได้ส่งกองเรือใหญ่ที่มีอยู่กองสุดท้ายมาหมายจะถล่มกองเรือสหรัฐให้ถอยไป แต่ผลที่ได้คือกองเรือฝ่ายญี่ปุ่นเละเทะ แต่ฝ่ายสหรัฐก็เละพอๆกัน เพราะมาเจอฝูงบินกามิกาเซ่เข้าบินถล่มชนกองเรือสหรัฐอย่างบ้าคลั่ง มีทั้งเรือจมและได้รับความเสียหายลูกเรือล้มตายมากมาย หากปตอ.เรือสอยไม่ได้ ก็ต้องลุ้นว่าจะบินชนโดนหรือไม่ ไม่ก็เจอสอยจนไฟลุกปีกหักแล้วมันยังจะชนได้ไหม มีนักบินกามิกาเซ่ทีเครื่องบินตกน้ำ แต่รอดมาได้ลอยคอในทะเล ไม่ยอมให้สหรัฐจับเป็นเชลยได้ ได้ปลดระเบิดมือที่พกกับตัว ระเบิดตัวเองตาย (ใจเด็ดจริงๆ)
ออกทะเลแปซิฟิกไปซะไกล ขอกลับเข้าเรื่องเครื่องบินปล่อยจากยานแม่ของญี่ปุ่น ที่ต้องกล่าวถึงกามิกาเซ่เสียยืดยาว เป็นเพราะพี่ยุ่นแกนำมาใช้เป็นเครื่องกามิกาเซ่นั้นเอง กล่าวคือในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง หรืออาจจะนานมาแล้ว เยอรมันและญี่ปุ่นได้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน หนึ่งในนั้นที่ญี่ปุ่นได้จากเยอรมันก็คือ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ไอพ่น แต่พี่แกเอามาติดกับเครื่องกามิกาเซ่ กลายเป็นเครื่องบินไอพ่นกามิกาเซ่ (โอ้พระเจ้าจอร์ซ ใช้ก่อนบินลาเดนเอาไปชนตึกเวิด์ลเทรดซะอีก) โดยพัฒนาจากจรวดวี1ของเยอรมัน (เห็นไหมที่เล่าๆเนี่ยมันเชื่อมกัน) เป็นเครื่องบิน โอกะ (Yokosuka MXY7 Ohka) ซึ่งภายหลังคุณพี่กันเรียกซะเสียว่า บากะ (Baka)ที่แปลว่าโง่หรือบ้า เนื่องมาจากวิธีกามิกาเซ่นั้นเอง
หลักการของการใช้โอกะก็เช่นเดียวกับวี1 คือ ใช้เครืองบินแม่ มิตซูบิชิ จี4เอ็ม เบ็ตตี้ เป็นยานแม่ปล่อยโอกะให้บินเรี่ยพื้นทะเล เข้าชนเรือรบของสหรัฐ ด้วยความเร็วไอพ่นและบินระดับเรี่ยน้ำ ย่อมทำให้เรือสหรัฐสอยไม่ทันแน่ แล้วโอกะที่ติดหัวรบดินระเบิดจำนวนมาก ก็จะเข้าชนเรือเป้าหมายจนจมลง พร้อมกับสละชีพนักบิน ผู้บังคับเครื่องเข้าชน เหมือนจรวดนำวิถีด้วยมนุษย์ แผนการใช้งานเริ่มที่อ่าวเลเต้ แต่เคราะห์ร้ายเรือบรรทุกเครื่องบินสองลำของญี่ปุ่น ได้ถูกเรือดำน้ำสหรัฐสองลำยิงตอร์ปิโดใส่แล้วโอกะข้างในเรือก็ระเบิดตูมตาม ทำให้เรือจมไป โอกะจึงอดใช้งานในการรบที่อ่าวเลเต้
21 มกราคม 1945 เป็นครั้งแรกที่โอกะถูกใช้งาน โดยบินติดไปใต้เบ็ตตี้ ซึ่งคุ้มกันด้วยซีโร่ หวังโจมตีกองเรือสหรัฐแต่ก็ซวย เจอฝูงบินสหรัฐโจมตี ทั้งๆที่ยังไม่ถึงที่หมาย ทำให้ทั้งเบ็ตตี้และโอกะเจอสอยร่วงทั้งหมดและซีโร่หลายลำ และโอกาสก็มาถึงในวันที่ 1 เมษายน ปี1945 เบ็ตตี้หกลำบรรทุกโอกะเข้าโจมตีกองเรือสหรัฐที่เกาะโอกินาว่า ทำให้ป้อมปืนเรือเวสต์ เวอร์จิเนีย West Virginia เสียหายไป1ป้อม และเบ็ตตี้เจอสอยหมดไม่ได้กลับไปแม้แต่ลำเดียว นับว่าเป็นครั้งแรกที่การโจมตีด้วยโอกะประสบความสำเร็จ และยังมีอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะสหรัฐยิ่งระวังตัวขึ้น และกลัวเบ็ตตี้มากขึ้น นี่คือหนึ่งในอาวุธที่ต้องสังเวยชีวิตมนุษย์ไปมากมาย นั้นคือวิธีการกามิกาเซ่ นอกจากเครื่องบินแล้ว ญี่ปุ่นยังได้เตรียมอาวุธประเภทพลีชีพไว้มากมายหากสหรัฐกล้าเหยียบแผ่นดินอาทิตย์อุทัย เช่นเรือเร็วชนพลีชีพ ตอร์ปิโดมนุษย์ขับไปชนเรือพลีชีพ หรือทหารติดระเบิดไว้กับตัวแล้ววิ่งไประเบิดตัวเอง และเครื่องใบพัดแบบสร้างมาบรรทุกระเบิด กามิกาเซ่โดยเฉพาะแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงครามครั้งนี้ นอกจากนี้บนเกาะญี่ปุ่นเองก็ยังเตรียมฝูงบินกามิกาเซ่ไว้อีกจำนวนมาก
หลายฝ่ายคิดว่าหากญี่ปุ่นนำเครื่องบินที่ใช้กามิกาเซ่เหล่านี้มาทำการรบแบบปกติ น่าจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ แต่ในขณะนั้นญี่ปุ่นเหมือนจนตรอก ถึงจะมีเครื่องบินเท่าไหร่แต่ชีวิตนักบินเก่งๆที่เสียไปจำนวนมาก อาจทำให้นักบินใหม่ๆที่บินไปรบ ก็คงตกเป็นเหยื่อของนักบินสหรัฐเสียเปล่าๆ ทางเลือกกามิกาเซ่อาจจะถูกก็ได้..
แต่ใช่ว่าญี่ปุ่นจะเอาเทคโนโลยีไอพ่นทีได้จากเยอรมันมาใช้คามิกาเซ่ทิ้งๆขว้างๆ ญี่ปุ่นสามารถสร้างเครื่่องบินขับไล่ที่ถอดแบบมาจาก เอ็มอี262 ของเยอรมันได้ เรียกว่ากิ-201 ที่เตรียมสอยบี29ของมะกัน ที่กวนโอยมาบอมบ์เกาะญี่ปุ่นบ่อยๆ แต่อนิจจา การพัฒนาของมันล่าช้า หากมันสร้างได้ทันก่อนที่บี29จะนำปรมาณูมาทิ้งฮิโรชิม่า และนางาซากิได้ ประวัติศาสตร์คงเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากทุกวันนี้แน่ๆ
แหล่งข้อมูล
http://en.wikipedia.org/wiki/Kamikaze
http://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Leyte_Gulf
http://en.wikipedia.org/wiki/Ohka
http://en.wikipedia.org/wiki/Mitsubishi_G4M
http://en.wikipedia.org/wiki/Nakajima_Ki-201
ภาพประกอบ
1. วิชาตบเกรียน เอ้ย ใช้ปีกปัดจรวดวี1 ขั้นเทพ
2. เครื่องกามิกาเซ่ ชนเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ
3.จรวดนำวิถีด้วยมนุษย์โอกะ
4.มิตซูบิชิ จี4เอ็ม เบ็ตตี้ ยานแม่ของโอกะ
5.เครื่องขับไล่ไอพ่น กิ201 ผู้ไม่ทันสอย บี29 แต่สงครามจบซะก่อน
ลืมบอกไป การปล่อยวี1 และโอกะจากยานแม่ถือว่าเป็น Jet-Carrying Bombers คือเครื่องบินทิ้งระเบิดบรรทุกลุกระเบิดร่อน (ไอพ่น)
เรามาดูที่เขาใช้บรรทุกเครื่องบินจริงๆบ้าง เรียกว่า Bomber aircraft carriers หรือเครื่องบินทิ้งระเบิดบรรทุกเครื่องบิน โดยมีดังนี้
สหรัฐได้เริ่มโครงการไฟคอน หรือ FICON project ถือเป็นการรื้อฟื้นความคิดการใช้อากาศยานบรรทุกเครื่องบิน ตั้งแต่ยุคเรือเหาะบรรทุกเครื่องบินอีกครั้งของสหรัฐ โดยพัฒนาในยุคสงครามเย็น โดยเริ่มจากโครงการ ทิฟ โทว์ Tip Tow ใช้อีบี29เป็นยานแม่ ติดเครื่องอีเอฟ84 บี ไว้ที่ปลายปีทั้งสองข้างพออยู่บนฟ้าก็บินออกไป ส่วนไฟคอนนั้น ใช้บี36 ปล่อยเครื่องไอพ่นเอฟ84จากใต้ท้อง
ซึ่งโครงการของสหรัฐนั้น แค่ทดลองแต่ไม่ได้ใช้จริง ของจริงมีตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองและได้ใช้งานจริง นั้นคือโครงการ ซวีโน Zveno project ของสหภาพโซเวียต เริ่มแรกใช้กับเครื่องบิน ตูโปเลฟ ทีบี1 บรรทุกเครื่องไอ 4 เรียกว่า ซวีโน1 ต่อมาใช้รุ่นทีบี3 เรียกว่าซวีโน2และต่อๆมาทั้้งหมด บรรทุกเครื่องหลายแบบจนมาหยุดที โปลิคาปอฟ ไอ16 ได้ใช้ออกรบจริง เพื่อทำลายโรงงานและทุ่งน้ำมันและสะพานของนาซีในโรมาเนีย
ภาพ
1.โครงการทิฟ โทว์
2.โครงการไฟคอน
3.โครงการ ซวีโน1
4.โครงการ SPB ซึ่งนำไปใช้รบจริงได้ผล
5.แถมหน้าตา เอชอี111 ของนาซี
มาถึงปัจจุบันเรียกกันว่า Transport aircraft carriers หรือยานขนส่งอากาศยานนั้นเอง เห็นกันบ่อยๆในการแบกเจ้ากระสวยอวกาศ เรียกกันว่า Shuttle Carrier Aircraft ทีแรกใช้โบอิ้ง747แบก แต่ภายหลังเปลี่ยนรุ่นแล้ว โดยไม่ใช่แบกขนไปมาเฉยๆ แต่ใช้เพื่อปล่อยทดสอบกระสวยอวกาศบินบนฟ้า ก่อนส่งไปนอกโลกจริงๆด้วย
นอกจากนี้ยังมีแบบเดียวกันเป็นของรัสเซีย เรียกว่ากระสอยอวกาศบูราน แบกโดยเครื่อง แอน226
และมีการใช้ปล่อยโดรนจากเครื่องบิน ซึ่งโดรนนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องสอดแนม เช่นดี21 ปล่อยจากเครืองเอ12,เอสอาร์ 71 แบล็กเบิร์ด หรือจากเครื่องบินทิ้งระเบิดบี52 ก็ได้เช่นกัน แถมบรรทุกได้สองลำอีกต่างหาก
แหล่งข้อมูล
http://en.wikipedia.org/wiki/Shuttle_Carrier_Aircraft
http://en.wikipedia.org/wiki/Buran_(spacecraft)
http://en.wikipedia.org/wiki/Antonov_An-225
http://en.wikipedia.org/wiki/Lockheed_D-21
ภาพประกอบ
1.ป้าโบอิ้งแบกกระสวยอวกาศ
2.น้องแอนแบกน้องบูราน
3.ดี21ขี่หลังเอ12
4.ดี21ติดปีกบี52
เข้าเรื่องเรือเหาะสักทีละจะจบละครับ (ปิดท้าย พิมพ์มากี่ชั่วโมงแล้วเนี่ย)
ในสมัยก่อนนั้น เรือเหาะถือว่าเป็นอากาศยานขนาดใหญ่ ก่อนที่จะมีเครืองบินลำใหญ่ๆจำพวกโบอิ้งหรือสี่เครื่องยนต์ออกมา (ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งเรือเหาะใช้ทิ้งระเบิดโดยเยอรมันในสงครามโลกครั้งแรก ใส่อังกฤษเจ้าเก่าอีกแล้ว โครงการนำเรือเหาะมาบรรทุกเครื่องบินคิดขึ้นโดยสหรัฐ อากาศยานนี้เป็นประเภท Dirigible aircraft carriers ซึ่งบรรทุกเครื่องบินรบจำนวนมากปล่อยจากทางอากาศได้ ซึ่งสหรัฐมีใช้งานอยู่สองลำคือ
ลำแรกคืออัครอน ใช้งานตั้งแต่ปี1931 โดยมีความสามารถบรรทุกและปล่อยเครื่องบินขับไล่ เอฟ9ซี สแปร์โร่ว์ ฮอว์ก ได้4ลำ และมีอาวุธประจำตัวคือ ปืนกล 7 กระบอก แต่ก็ประสบอุบัติเหตุตกในปี 1933
ลำที่สองคือ แม็คคอนใช้ครั้งแรกในปี1933 แต่ก็มาตกอีกในปี1935
สรุปสหรัฐมีเรือเหาะบรรทุกเครื่องบินแต่ตกหมดก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มนานโข จึงไม่ใช้จริงในสงครามเลย ต่อมายิ่งมีอุบัติเหตุเรือเหาะฮินเดนเบิร์กของเยอรมันบินมาไหม้ถึงที่ในสหรัฐ ยิ่งทำให้เกิดความกลัวเรือเหาะกัน จึงกลัวที่จะสร้างเรือเหาะกันใหญ่
ปัจจุบันเรายังไม่ได้เห็นอากาศยานหรือยานขนาดใหญ่ บรรทุกเครื่องบินจำนวนเยอะๆ แบบเรือบรรทุกเครื่องบินสักที แต่นี่คือประวัติการทดลองที่จะนำเครื่องบิน บินขึ้นบนอากาศที่ผ่านมาครับ
จบเอวังด้วยประการฉะนี้ หวังว่าคงจะได้รับความรู้กันนะครับ สวัสดี
ภาพประกอบ
1.อัครอนแอ่วแมนฮัตตัน
2.แม็คคอน
3.เอฟ9 ปล่อยจากเรือเหาะอัครอน
4.เรือเหาะฮินเดนเบิร์กไหม้
มันจริงๆ เลยครับ คุณ tan02 เดี๋ยวว่างๆ มาอ่านโดยละเอียดอีกที
แบบในภาพนี้มีจริงหรือเปล่าครับ
^
พอจะทราบชื่อรุ่นไหมครับ ผมจะได้นำไปค้นหาข้อมูลครับ ^_^
555 เอาฮาน้ะครับท่าน tan ผมเอามาจากหนังเรื่องสกายกับตันเห็นชื่อกระทู้เรือเหาะบรรทุกเครื่องบินแล้วนึกถึงทันที่ คล้ายๆกับ v22 แต่เป็นฐานบินลอยฟ้ามากกว่า
ท่านtan02ครับพอดีผมเคยอ่านหนังสือแทงโก้หรือสมรภูมิเล่มเก่าๆๆมานาซีเยอรมันเคยสร้างเครื่องบินอยุ่รุ่นหนึ่งประมาณ
ว่าเลียนแบบกามิคาเซ่ของญี่ปุ่นแต่ดีกว่าเพราะมีขนาดใหญ่กว่ามากผมจำหน้าตาได้คราวๆว่า
เอาเครื่องบินทิ้งระเบิดHE-111มาบรรทุกระเบิดหนักเท่าไหร่จำไม่ได้รู้แต่ว่าส่วนหัวทำด้วยเหล็กกล้าหนัก1000กิโลกรัม
การบังคับเอาFw-109ใว้ด้านบนเครื่องบินทิ้งระเบิดเวลาจะพุ่งชนก็สละเจ้าระเบิดบินได้พุ่งชนเรือส่วนนักบินก็ขับหนีไปเครื่องบิน
ชนิดสามารถจมเรือฝ่ายสัมพันธมิตรได้หลายลำแต่น่าเสียดายว่ามาช้าไปหน่อยพอๆๆกับHQ-229ปีกบินรุ่นแรกของโลก
^
น่าสนใจมากเลยครับ แต่ผมไม่ทราบจริงๆครับ แล้วก็ไม่มีข้อมูลเลย ท่านใดทราบช่วยกรุณาหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ