ASTVผู้จัดการออนไลน์ – สัปดาห์นี้กองทัพประชาชนเวียดนามได้เปิดให้สื่อในประเทศเข้าชมระบบป้องกัน ทางอากาศอันทันสมัยที่ซื้อจากรัสเซีย ซึ่งหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋กล่าวว่า ทำให้เวียดนามไม่เกรงกลัวการโจมตีจากศัตรู ทั้งทางอากาศและจากเรือรบ นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยในประเทศที่เก็บความลับดีที่สุดแห่ง หนึ่งของโลก แต่กองทัพประชาชนฯ เชื้อเชิญสื่อไปชมสิ่งนี้โดยเฉพาะเนื่องในโอกาส “วันนักข่าวแห่งชาติ” 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา และยังมีขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดกับจีนเกี่ยวกับน่านน้ำใน “ทะเลตะวันออก” ปะทุขึ้นอีกครั้ง เวียดนามได้เปิดเผยเกี่ยวกับการครอบครองระบบขีปนาวุธ S-300PMU1 เป็นครั้งแรกในเดือน ม.ค.ปีนี้ โดยรวมอยู่ในภาพปฏิทินของกองทัพประชาชน ที่นำออกแจกจ่ายสถานทูตประเทศต่างๆ ในกรุงฮานอย ซึ่งกลายเป็นเรื่องฮาฮาในวงการทูต เพราะเป็นช่วงเดียวกันที่มีการออกข่าวเกี่ยวกับการผลิตเครื่องบินแบบหลบ เลี่ยงเรดาร์ได้ หรือ “สเตลท์” ของจีน การเปิดให้สื่อเข้าชมระบบอาวุธทันสมัยอย่างใกล้ชิดนี้ เป็นเจตนาต้องการให้เผยแพร่สู่สาธารณชน ในท่ามกลางความตึงเครียดทางทะเล หนังสือพิมพ์ของทางการกล่าวว่า ระบบป้องกัน S-300PMU1 ที่ไปเยี่ยมชมครั้งนี้ รัสเซียออกแบบ “เป็นพิเศษ” ให้แก่กองทัพเวียดนามโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้อธิบายในรายละเอียด “เป็นระบบที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่งในด้านการป้องกัน ถึงแม้จะมีน้ำหนักนับตันๆ แต่ก็ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ยิงเป้าหมายได้หลังจากมีการเตือน” หนังสือพิมพ์ของสันนิบาติเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์ อ้างคำพูดของ พันโทอาวุโส เลวันแถ่ง (Le Van Thanh) หัวหน้าหน่วยขีปนาวุธในที่ตั้งแห่งหนึ่ง ระบบจะใช้เวลาเพียง 5 วินาทีในการยิงหลังจากเรดาร์จับเป้าหมายให้ ระบบนี้ยังสามารถแยกออกใช้งานโดดๆ หรือ “ซิงค์” เข้ากับระบบป้องกันอื่นๆ ได้อีกด้วย เตื่อยแจ๋กล่าว ระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศ S-300PMU1 ได้รับการยอมรับเป็นระบบป้องกันทันสมัยมากที่สุดและประสิทธิ์ภาพดีที่สุดอีก ระบบหนึ่งของโลก ปฏิบัติการได้ทุกสภาพภูมิประเทศและทุกสภาพอากาศ รัสเซียนำเข้าประจำการทั่วประเทศ มากว่า 10 ปี ละกว่า 100 ชุด เพื่อป้องกันฐานทัพ สถานที่สำคัญและแหล่งอุตสาหกรรม ที่ผ่านมารัสเซียขายระบบป้องกันในตระกูล S-300 ให้กับไม่กี่ประเทศ รวมทั้งอินเดีย จีนและเวียดนามด้วย แต่ด้วยเวอร์ชั่นต่างๆ กัน ขออวดหน่อย By Tuoi Tre |
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
ตามข้อมูลในเว็บไซต์ของผู้ชำนาญการด้านอาวุธ ปัจจุบันรัสเซียได้พัฒนาไปถึง S-400 ที่ใช้ระบบเรดาร์ตรวจจับเครื่องบินที่ใช้เทคโนโลยีสเตลท์ได้อีกด้วย รุ่นใหม่ยังมีระบบจับเป้าหมายได้เร็วขึ้น แม่นยำยิ่งขึ้น และใช้ขีปนาวุธหัวรบมีอานุภาพทำลายสูงขึ้น เวลาเตรียมการยิงน้อยกว่า 5 นาที ในเวอร์ชั่น PMU1 ตามข้อมูลของผู้ชำนาญการ ระบบ S-300PMU1 ที่พันธมิตรนาโต้เรียกว่า “SA-10” สามารถจับเป้าหมายได้พร้อมกันคราวละกว่า 100 เป้า ปล่อยขีปนาวุธ 48N6E พื้นสู่อากาศ ออกทำลายได้คราวละ 6 เป้าหมายอย่างต่อเนื่องและครั้งละ 2 ลูก ประกันว่าเป้าหมายสำคัญ จะถูกทำลายย่อยยับ ยังการให้ลดลงเหลือครั้งละ 1 ลูกได้ ขีปนาวุธ 48N6E ยังใช้อยู่ในรุ่น PMU2 และ PMU3 โจมตีเป้าหมายทางอากาศในรัศมีตั้งแต่ 5 จนถึง 150 กิโลเมตร ในความสูงตั้งแต่ 10 เมตร ถึง 27,000 เมตร ขีปนาวุธแล่นสู่เป้าด้วยความเร็วสูงสุดถึง 2,800 เมตรต่อวินาที หรือ ประมาณมัก 8 (Mach 8) สื่อของทางการเวียดนามรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า กองทัพยังมีขีปนาวุธร่อน (Cruise Missile) โจมตีทำลายเรือแบบ “บราห์มอส” (Brahmos) ที่ผลิตในอินเดียจากแบบขีปนาวุธแบบร่อน P-700 “Granit” ของรัสเซีย เป็นที่ทราบกันว่า เวียดนามมีขีปนาวุธ P-800 “Onik”ของรัสเซียประจำการมานานแล้ว ทั้งสองชนิดได้ชื่อเป็นขีปนาวุธแบบร่อนความเร็วสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “บราห์มอส” เร็วที่สุดในโลก ประสิทธิภาพสูงกว่าขีปนาวุธฮาร์พูน (Harpoon) ของค่ายสหรัฐฯ ยังไม่เคยมีการยืนยันจากฝ่ายอินเดียว่า มีการจำหน่ายขีปนาวุธบราห์มอสเวอร์ชั่นติดตั้งบนบกให้แก่เวียดนาม แต่ผู้ชำนาญการกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ด้านกลาโหมที่ใกล้ชิดกันมานานมาก และ มีอริทางยุทธศาสตร์ตัวเดียวกันคือ จีน ไม่กี่ปีมานี้เวียดนามได้นำเอาภาพขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานกับขีปนาวุธ โจมตีหลายชนิดเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์กวนโดยเญินซเวิน (Quan Doi Nhan Dan) หรือ "กองทัพประชาชน" ของกระทรวงกลาโหม ในนั้นจำนวนมากติดตั้งที่ชายแดนภาคเหนือ และส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่เหลือมาจากครั้งสงคราม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธกล่าวว่า ด้วยเทคโนโลยีรัสเซียเมื่อก่อน ซึ่งก็คือรัสเซี่ยในปัจจุบัน เวียดนามจึงยิงเครื่องบินสหรัฐฯ ตกมากมายหลายประเภทในช่วงสงคราม รวมท่ั้ง B-52 เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ที่บินในความสูงจนสุดเอื้อมด้วยอาวุธธรรมดา ทั่วไปด้วย. ขออวดอีกที by Quan Doi Nhan Dan |
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000076230
S-300PMU1 System is not missiles range produced by the Russian Federation, is considered the most sophisticated appearance on the world arms market today. (The system owns Russian S-400, more modern S-300 but not exported. It is expected that the next time, Russia will complete the research and manufacture of air defense systems S-500, more modern , has a range of warfare in space).
ดูแล้วก็น่าใจหายอยู่ไม่น้อย เพราะอาวุธมีความทันสมัยมาก
แต่ก็อาจเป็นผลดีถ้าเราได้คุยการฑูตทหารของพี่อเมริกา
เค้าจะได้ขายไอเทมโหดให้เราซักที ข้ออ้างนี้อเมริกาอาจจะขายอาวุธที่ทันสมัยให้เรา
และคงไม่เอาอาวุธไปเก็บไว้ที่อเมริกาเป็นแน่ มาแบบมีเหตุการแล้วค่อยเบิกมาใช้ก็ไม่ไหว
สงสัยไทยต้องเบนเข็มพึ่งอมเริกาเหมือนเดิม อมเริกาคงเสนอขายอาวุธไว้คานอำนาจในอาเซียน
ช่วงนี้ต้องจับตาดู สิงคโปร์กับไทย อาจจะมีไอเทพลับจากอมเริกาเป็นแน่
( อย่างน้อยไทยยังดีกว่า ขีปนาวุธเวียดนามเค้าซื้อ แต่ไทยเราพัฒนาเอง )
งบประมาณการวิจัยอาวุธประมาณ 5 ปีก็อยากเห็นเหมือนกันว่าไทยเราจะมีอาวุธชิ้นนี้มากแค่ไหน
เมื่อไรที่เราพัฒนาระบบนำวิถีสำเร็จ วันนั้นไทยจะน่ากลัวแน่นอน เพราะจะได้พึ่งพาตนเองซักที
ข่าวสำนักนี่อีกแหล่ะ 2 คนนี่ ชอบเอามาลงจริ๊ง...
สำนักข่าวนี้ก่อนที่จะมีเหตการณืกีฬาสีผมก็ติดตามข่าวในภูมิภาคอาเซียนประจำ เพราะเป็นสำนักข่าวเดียวในไทยที่ติดตามข่าวของเพื่อนบ้าน แต่พอมีกีฬาสีมันทำให้อคติทางการเมืองเข้าครอบงำผมก็ไม่ติดตามอีกเลย เพราะคนเขียนข่าวไม่เป็นกลางตีไข่ใส่สี มันไม่เหมือยเวบผู้จัดการสมัยก่อนที่มีแต่บทความที่น่าสนใจอีกต่อไป
ขอขอบคุณที่นำข้อมูลมาแบ่งปันกันครับ ถามผู้รู้ครับการที่เวียดนามดูเหมือนจะมีศักยภาพการทหารที่ก้าวกระโดดนี่ จริงแล้วเค้าซื้อในราคาปกติหรือไม่ครับ เพราะดูจากกะทู้เก่าๆเหมือนผู้รู้หลายท่านจะบอกเป็นนัยว่าการที่เค้าพัฒนากองทัพได้เร็วขนาดนี้ก็เพราะเค้าเป็นมือปืนในสังกัดรัสเชีย